ทัวร์เซนได ปีใหม่ 29ธ.ค.66-3ม.ค.67 พัก 3 ดาว ทัวร์ญี่ปุ่น เซนได ฟุกุขิม่า ยามากาตะ อิวาเตะ บิน TG 6วัน 4คืน : JAPAN SENDAI
ไม่พบสินค้า
วันแรก : กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ) (TG 8058 BKK-SDJ 23:35-08:05+1)
20.00 น. คณะพร้อมกัน ณ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศชั้น 4 สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์ สายการบิน THAI AIRWAYS (TG) พบเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวก
23.35 น. ออกเดินทางสู่ เมืองเซนได ประเทศญี่ปุ่น โดยสายการบิน THAI AIRWAYS (TG) เที่ยวบินที่ TG 8085 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง
วันที่สอง : สนามบินนานาชาติเซนได-ศูนย์การเรียนรู้สึนามิอะระฮะมะ-จังหวัดอิวาเตะ-วัดชูซนจิ-หุบเขาเกบิเค-ล่องเรือชมหุบเขาเกบิเค-หมู่บ้านโบราณกินซังออนเซ็น-เมืองยามากาตะ
08.05 น. คณะเดินทางถึง สนามบินนานาชาติเซนได ประเทศญี่ปุ่น (**เวลาที่ประเทศญี่ปุ่นจะเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชม. ควรปรับนาฬิกาของท่านเพื่อสะดวกในการนัดหมาย)หลังผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองแล้ว หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ศูนย์การเรียนรู้สึนามิอะระฮะมะ (Arahama Elementry School) สถานที่อันเป็นร่องรอยแห่งความทรงจำจากภัยพิบัติแผ่นดินไหว จากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในภาคตะวันออกของญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นในวันที่ 11 มีนาคม ค.ศ.2011 โดยแรงสั่นสะเทือนสูงสุดวัดได้อยู่ที่ระดับ 7 นับเป็นแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเท่าที่เคยวัดได้ ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้ ถูกสึนามิซัดเข้าจนมาถึงชั้น 2 ของอาคาร มีเด็ก ครู และประชาชนจำนวน 320 คน หนีภัย และเพื่อที่จะไม่ทำให้ใครต้องมาเป็นเหยื่อสึนามิอีก จึงเปิดอาคารนั้นให้ชมในฐานะที่เป็นซากโครงอาคารที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์นี้ ซึ่งสามารถถ่ายทอดอันตราย และการเรียนรู้เกี่ยวกับสึนามิไว้ให้กับคนรุ่นต่อไป ให้ท่านได้ชมห้องต่างๆ ของโรงเรียน และส่วนอื่นๆ ที่โดนผลกระทบ รวมถึงห้องจัดแสดงนิทรรศการ ความทรงจำในโรงเรียนแห่งนี้ จากนั้นนำท่านสู่ จังหวัดอิวาเตะ (Iwate)เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่นรองจากฮอกไกโด ผู้คนนิยมทำการประมง เป็นจังหวัดที่มีการขยายพันธุ์สาหร่ายวากะเมะ และหอยเป๋าฮื้อได้มากที่สุดในญี่ปุ่น จากนั้นนำท่านสู่ วัดชูซนจิ (Chuson-ji Temple) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองฮิราอิซูมิ และยังเป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก้ ก่อตั้งขึ้นในปี 850 เป็นวัดของพระพุทธศาสนานิกายเทนได ประกอบด้วยอาคารต่างๆ สิบกว่าหลังในพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่หลังจากการล่มสลายของตระกูลฟูจิวาระในปลายศตวรรษที่ 12 ปัจจุบันจึงเหลืออาคารดั้งเดิมเพียง 2 หลัง อาคารที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือ อาคารคอนจิคิโดะ (Konjikido) ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับศาลทองคำของวัดคินคะคุจิ ในเมืองเกียวโต แต่มีอาคารครอบไว้อีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันการถ่ายภาพ และห้องโถงเคียวโซะ (Kyozo Hall) ใช้เป็นพื้นที่สำหรับเก็บพระสูตร (คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา) ซึ่งถูกสร้างขึ้นก่อนอาคารคอนจิคิโดะถึง 16 ปี
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (1)เมนู Wanko Soba
จากนั้นนำท่านสู่ หุบเขาเกบิเค (Geibikei George)เป็นหุบเขาที่งดงามตั้งอยู่นอกเมืองฮิราอิซูมิ ในจังหวัดอิวาเตะ มีประวัติศาตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นำท่านล่องเรือชมหุบเขาเกบิเคล่องไปตามลำน้ำประมาณ 20 นาที โดยควรถอดรองเท้าก่อนนั่งบนพื้นเรือ ระหว่างล่องเรือไปนั้น จะมีฝีพายมาขับกล่อมด้วยเพลงเกบิโออิวาเกะ (Geibi Oiwake) ซึ่งเป็นเพลงพื้นบ้านโบราณประเภทหนึ่งของญี่ปุ่นซึ่งหาฟังได้ยากแล้วในปัจจุบัน ในะหว่างทางจะมองเห็นทิวทัศน์ธรรมชาติที่น่าประทับใจ เต็มไปด้วยผาสูง และก้อนหินตลอดเส้นทาง จนถึงจุดกลับเรือ ตรงนี้จะปล่อยให้เราลงเดินเล่นประมาณ 20 นาทีเดินเข้าไปจนถึงจุดด้านในสุดของหุบเขา จะมีช่องหินอธิษฐานบริเวณหน้าผาสูง 124 เมตร เชื่อกันว่าถ้าขว้างหินผ่านเข้าไปในช่องได้ คำอธิษฐานของเราจะเป็นจริง ส่วนหินที่ใช้โยนต้องเป็นหินเสี่ยงทายเท่านั้น มี 10 ชนิด คือ โชคชะตา อายุขัย ความสุข เนื้อคู่ ขอพร ความรักชายหญิง ความรัก ความผูกพัน โชคดี ทรัพย์สมบัติ ซึ่งมีจำหน่ายบริเวณใกล้ๆ นั่นเอง จากนั้นนำท่านสู่ หมู่บ้านโบราณกินซังออนเซ็น (Ginzan Onsen)โดยจะมีการเปลี่ยนรถรับ-ส่ง เฉพาะของทางหมู่บ้านหมู่บ้านออนเซ็นอายุกว่า 100 ปี แห่งจังหวัดยามากาตะ ที่นอกจากจะมีเรียวกัง และออนเซ็นทั่วทั้งหมู่บ้านแล้ว อาคารบ้านเรือนยังมีความสวยงามราวกับฉากในหนังซามูไร จึงไม่แปลกใจเลยหากที่นี่จะขึ้นชื่อว่าเป็น “หมู่บ้านออนเซ็นที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น” โดยในอดีตหมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นเหมืองเงินขนาดใหญ่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก แต่หลังจากเกิดน้ำท่วมใหญ่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หมู่บ้านแห่งนี้ก็ผันตัวมาเป็นหมู่บ้านออนเซ็นที่มีเรียวกังเรียงรายเลียบแม่น้ำไปตลอดทาง รวมถึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และแหล่งพักผ่อนชั้นยอดที่ใครๆ ก็อยากไปชมความคลาสสิกของหมู่บ้านออนเซ็นแห่งนี้ ภายในหมู่บ้านนั้นจะเต็มไปด้วยเรียวกังแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ซึ่งจะมีลักษณะเป็นอาคารไม้ 3-4 ชั้น โดยใจกลางหมู่บ้านจะมีแม่น้ำไหลผ่าน พร้อมกับทางเท้าสำหรับเดินเท่านั้น และเมื่อมองไปรอบๆ เราก็จะเห็นทิวทัศน์ของภูเขาที่โอบล้อมอย่างใกล้ชิด เข้ากับความเก่าแก่ของสถาปัตยกรรมภายในหมู่บ้านอย่างลงตัว แถมเสน่ห์ของหมู่บ้านก็จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละฤดู โดยเฉพาะในฤดูหนาว ที่จะมีหิมะโปรยปราย เนรมิตให้หมู่บ้านแห่งนี้ดูสวยคลาสสิค ราวกับหลุดออกมาจากนิทานเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีห้องอาบน้ำสาธารณะเปิดให้บริการ 2 แห่ง และบ่อออนเซ็นเท้าให้แช่ฟรี ซึ่งตั้งอยู่รอบๆ เมือง ด้านหลังของเมืองยังมีน้ำตกสูง 22 เมตร ที่ฐานของน้ำตกเคยเป็นหนึ่งในทางเข้าเหมืองเงินที่ถูกสร้างขึ้นมานานกว่า 500 ปีแล้ว ทำหน้าที่เป็นทางเข้าหลักในสมัยต้นเอโดะ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินเข้าชมอุโมงค์ภายในได้ไกลประมาณ 20 เมตรเท่านั้น จากนั้นนำท่านสู่ เมืองยามากาตะ (Yamagata) เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดในแถบชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทิศใต้ของภูมิภาคโทโฮคุ จังหวัดนี้มีชื่อเสียงของผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะเชอร์รี่ แหล่งน้ำพุร้อน ความเป็นชนบท และความงามของธรรมชาติ
**อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก HOTEL IN YAMAGATA หรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน
วันที่สาม : ภูเขาซาโอะ-ขึ้นกระเช้าซาโอะ-ชมปีศาจน้ำแข็ง (Snow Monster)-อิสระ ณ ลานสกีซาโอะ- หมู่บ้านจิ้งจอกซาโอะ-ทะเลสาบอินาวะชิโระ-จังหวัดฟุกุชิม่า
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (2)
จากนั้นนำท่านสู่ ภูเขาซาโอ (Mt. Zao) เพื่อนำท่านขึ้นกระเช้าซาโอะ (Zao Ropeway)ให้ท่านได้ชม ปีศาจน้ำแข็ง (Snow Monster) หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “จุเฮียว”(Juhyo) เป็นปรากฏการณ์สุดมหัศจรรย์ที่เกิดจากการทับถมของหิมะเกาะบนใบ และกิ่งของต้นสนพันธุ์อาโอโมริโทโด ซึ่งขึ้นอยู่ตามบริเวณทิวเขา จนเกิดเป็นรูปร่างต่างๆ ที่สวยงามคล้ายกับสัตว์ประหลาดทำให้ถูกเรียกว่า "ปีศาจหิมะ หรือสโนว์มอนสเตอร์” ทำให้มีรูปทรงแปลกตาสวยงาม หากมองบนกระเช้าลอยฟ้าจากมุมสูง ก็จะเห็นปีศาจหิมะสีขาวเรียงรายทั่วเชิงเขา ดูสวยงามแปลกตามากๆ เลยทีเดียว ส่วนเวลากลางคืนยังมีการเปิดไฟไลท์อัพเพิ่มความสวยงามอีกด้วย จากนั้นอิสระ ณ ลานสกีซาโอะ (Zao SkiArea) (ไม่รวมค่าอุปกรณ์ และเครื่องเล่นสกี) ลานสกีขนาดใหญ่ในภูมิภาคโทโฮคุ ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลนทั่วขุนเขา และเหล่าปีศาจหิมะ เหมาะกับการไปเล่นกีฬาสุดมันส์อย่างสกีหิมะเป็นอย่างมาก จากนั้นนำท่านเดินสู่จังหวัดฟุกุชิม่า (Fukushima) เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย อาทิ ธรรมชาติที่สวยงามของภูเขาไฟ และน้ำพุร้อน แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ จุดชมซากุระ จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ปราสาท และสกีรีสอร์ทขึ้นชื่อมากมาย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (3)
จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านจิ้งจอกซาโอะ (Zao Fox Village) ตั้งอยู่บนภูเขาในเขตจังหวัดมิยางิ เป็นสถานที่เพาะเลี้ยงจิ้งจอกแบบเปิด ที่ให้นักท่องเที่ยวได้ใกล้ชิดกับสุนัขจิ้งจอก แบบไม่มีที่ไหนเหมือนอย่างแน่นอน ด้านในหมู่บ้านนั้น เป็นสวนขนาดใหญ่พอสมควร ที่เปิดให้เราเข้าไปอยู่ท่ามกลางวงล้อมของฝูงจิ้งจอกที่น่ารักจำนวนมาก ซึ่งถูกปล่อยให้วิ่งเล่นกันอย่างอิสระ ท่านสามารถเข้าไปใกล้ หรือถ่ายรูปกับสุนัขจิ้งจอกได้ โดยทำตามคำแนะนำของทางศูนย์ อีกทั้งท่านยังสามารถซื้ออาหารถุงละ 100 เยน ที่มีจำหน่ายในนั้น ไปให้สุนัขจิ้งจอกในบริเวณที่จัดไว้ให้ได้อีกด้วย โดยความพิเศษของฤดูหนาวที่มีหิมะตกโปรยปรายลงมา ก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากๆ ในการทำให้ภาพของจิ้งจอกที่เห็นนั้น ดูสวยงามดั่งรูปวาดโบราณเข้าไปอีกเลยทีเดียว จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองฟุกุขิม่า (Fukushima) เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น ครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคมากกว่า 150 กิโลเมตร มากมายไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง คือ ธรรมชาติที่สวยงามของภูเขาไฟ และน้ำพุร้อน แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ จุดชมซากุระ จุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ปราสาท สกีรีสอร์ท สวนสนุกแห่งแรกของญี่ปุ่น และสปารีสอร์ทฮาวาย จากนั้นนำท่านสู่ ทะเลสาบอินาวะชิโระ (Inawashiro Lake) เป็นทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศญี่ปุ่น เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ ทำให้น้ำมีลักษณะของธาตุที่เป็นกรด จนสิ่งมีชีวิตไม่สามารถอาศัยอยู่ใต้น้ำได้ ส่งผลให้น้ำใสจนได้รับขนานนามว่า “ทะเลสาบแห่งกระจกสวรรค์” โดยเฉพาะฤดูหนาว ที่เราจะได้เห็นภาพทิวเขาหิมะสลับซับซ้อนปรากฏบนผิวน้ำใส อีกทั้งยังสามารถพบเห็นฝูงหงส์นับร้อยตัวที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำได้ตั้งแต่พฤศจิกายน-เมษายนของทุกปี ปีก และขนของหงส์มีสีขาวนวลสะอาด ขาวไม่แพ้กับหิมะที่ตกอยู่รอบๆ ทำให้บรรยากาศรอบๆ มีแต่ละฟ้า ขาว สะอาด สวยงามสบายตาเลยทีเดียว
เย็น อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก HOTEL SUNKYO FUKUSHIMA หรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน
วันที่สี่ : เมืองไอสึวากามัตสึ-ปราสาทสึรุกะ+สวนสาธารณะสึรุกะ-หมู่บ้านโบราณโออุจิ จุคุ-หน้าผ้าหินล้านปี-สถานีรถไฟยูโนะคามิออนเซ็น-บึงห้าสีโกชิกินุมะ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (4)
จากนั้นนำท่านสู่ เมืองไอสึวากามัตสึ (Izu-Wakamatsu) เป็นเมืองทางตอนกลางของจังหวัดฟุกุชิม่า โดยถูกขนานนามว่าเป็น “เมืองแห่งซามูไร” จากนั้นนำท่านสู่ปราสาทสึรุกะ (Tsurugajo Castle) หรือเป็นที่รู้จักกันในนามของ “ปราสาทนกกระเรียน” ถูกสร้างขึ้นในปี 1384 มีการเปลี่ยนผู้ปกครองมาหลายครั้งในช่วงที่ยังเป็นภูมิภาคอาอิซุ และถูกทำลายลงหลังจากเกิดสงครามโบชินในปี 1868 ซึ่งเกิดการจลาจลต่อต้านรัฐบาลสมัยเมจิ ทำให้สิ้นสุดยุคศักดินายึดอำนาจท่านโทคุกาว่าโชกุน ต่อมาปราสาทได้ถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ด้วยคอนกรีตในปี 1960 เสร็จสมบูรณ์ในปี 2011 หลังคาเดิมซึ่งเป็นสีเทากลับกลายเป็นสีแดง เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกับปราสาทแห่งอื่นในญี่ปุ่น ตัวปราสาทสึรุกะนั้น มีสีขาวสะอาดตา และคงความเป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่เอาไว้ ล้อมรอบด้วย สวนสาธารณะสึรุกะ(Tsuruga Castle Park)ในฤดูใบไม้ผลิตัวบริเวณปราสาทจะล้อมรอบด้วยซากุระถึง 1,000 ต้น และในฤดูหนาวจะมีหิมะเกาะตามหลังคา ซึ่งทำให้ตัวปราสาทเป็นสีขาวทั้งหลัง อีกทั้งในตอนกลางคืนก็ยังมีการจัดแสดงไฟอย่างสวยงามอีกด้วย จากนั้นนำท่านสู่ หมู่บ้านโบราณโออุจิ จุคุ (Ouchi-Juku) เป็นหมู่บ้านโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ เพื่อใช้เป็นหมู่บ้านพักแรมที่เชื่อมต่อระหว่างแคว้นไอซึ (Aizu) และแคว้นชิโมซึเกะโนะกุนิ (Shimotsuke no Kuni) และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ โดยมีลักษณะเป็นหมู่บ้านโบราณยาวประมาณ 500 เมตร สำหรับอาคารบ้านเรือนในหมู่บ้านนั้นมีการมุงด้วยหญ้าคาหนา และมีการบูรณะให้เป็นร้านขายของที่ระลึก และของฝากมากมายให้ท่านได้เดินเล่น เดินชม หรือเลือกซื้อกันตามอัธยาศัย ในฤดูหนาวนี้ บ้านโบราณต่างๆจะทกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนตั้งเรียงเป็นระเบียบ 2 ข้างถนน แม้ว่าคนจะน้อยในช่วงฤดูหนาว แต่กลับสวยงามอย่างบอกไม่ถูก และอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ คือ โซบะต้นหอม (Negi Soba)และปลาเทร้าต์ย่างนั่นเอง
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (5)
จากนั้นนำท่านสู่ หน้าผาหินล้านปี (Tonohetsuri) อนุสรณ์แห่งธรรมชาติสร้างขึ้น ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำจนสึกกร่อนกลายเป็นหน้าผาชันรูปร่างแปลกตาคล้ายเจดีย์ ซึ่งด้านบนผาเป็นเหมือนหอคอย ที่เมื่อมองลงมาจะเห็นแม่น้ำโอคาวะอยู่เบื้องล่าง สามารถเดินข้ามผ่านสะพานแขวน (Fujimibashi) เพื่อชมหน้าผา และร่องผา รวมถึงหินหน้าตาแปลกๆ มากมาย เนื่องจากเป็นสะพานไม้เก่าแก่ จะเดินขึ้นได้เพียง 30 คนเท่านั้น จากนั้นนำท่านสู่ สถานีรถไฟยูโนคามิออนเซ็น (Yunokami Onsen Station)เป็นสถานีรถไฟเพียงแห่งเดียวของญี่ปุ่นที่มีอาคารสถานีทำจากหลังคาแบบญี่ปุ่นโบราณ โดยมุงหลังคาด้วยหญ้าฟางคายาบูกิ ให้ความรู้สึกคลาสสิค ด้านในสถานีมีเตาผิงไฟอิโรริ สำหรับนั่งผิงไฟในช่วงฤดูหนาว อีกทั้งติดกันยังมีจุดออนเซ็นเท้า โดยสามารถใช้บริการได้ฟรีระหว่างที่รอรถไฟเพลินๆ อีกด้วย จากนั้นนำท่านสู่ บึงน้ำห้าสี (Goshikinuma Pond)เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟบันได (Mt. Bandai) เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 1888 ทำลายหมู่บ้านไปนับสิบแห่ง เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 500 คน และหลังจากการระเบิดในครั้งนั้น ก็ทำให้เกิดเป็นทะเลสาบห้าสีขึ้น โดยแร่ธาตุในดินนั้น ส่งผลทำให้สีของน้ำในบึงต่างๆ บริเวณนี้ เมื่อสะท้อนกับแสงอาทิตย์จะเห็นเป็นสีสันต่างๆ กันไป มีตั้งแต่เหลือง สีเขียวอมแดง สีแดง ไปจนถึงสีฟ้าเข้ม ซึ่งสีของน้ำที่เห็นก็ขึ้นอยู่กับฤดูกาล และสภาพอากาศ
**อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก HOTEL SUNKYO FUKUSHIMA หรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน
วันที่ห้า : เมืองเซนได-ช้อปปิ้ง DUTY FREE-อ่าวมัตสึชิม่า-วัดโกไดโดะ-วัดเอนสึอิน-ปราสาทอาโอบะ-รูปปั้นซามูไรตาเดียว Date Masamune-ศาลเจ้าโกโคคุ-ช้อปปิ้งถนนคลิสโรด
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (6)
จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมืองเซนได (Sendai) เซนไดเป็นเมืองหลวงของจังหวัดมิยางิ และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น มีร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้งให้เที่ยวมากมาย ยังเป็นเมืองสีเขียวริมทะเลในอ้อมอกของภูเขา อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ที่มีอายุยาวนานอีกด้วย จากนั้นนำท่านสู่ ร้านจำหน่ายของฝากของที่ระลึกปลอดภาษี(Duty Free) ที่อยู่ในตัวเมืองเซนได ภายในมีสินค้าลดราคามากมาย ใครที่กำลังมองหาของฝาก เช่น ขนมยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อ เครื่องสำอางตัวดัง สินค้าที่ระลึกจากญี่ปุ่น ขนมขึ้นชื่อต่างๆ ก็สามารถหาซื้อได้จากที่นี่ อิสระให้ท่านสนุกสนานกับการช้อปปิ้งตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านสู่ อ่าวมัตสึชิม่า (Matsushima Bay)อ่าวมัตสึชิม่านั้น เป็นอ่าวที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และมีชื่อเสียงเรื่องความงดงามมาแล้วตั้งแต่หลายร้อยปีก่อน ปัจจุบันมีเกาะต่างๆ ราวๆ 200 เกาะ กระจายอยู่ในอ่าว และมีต้นสนขึ้นบนเกาะที่มีรูปร่างแปลกตาอีกด้วย ทัศนียภาพริมอ่าวที่ประกอบไปด้วยเกาะกว่าสองร้อยเกาะอันงดงามควบคู่กับสถานที่ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากมายเช่นวัดและศาลเจ้าส่งผลให้อ่าวแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 3 สุดยอดทิวทัศน์อันสวยงามของญี่ปุ่น “นิฮงซังเคย์”
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (7)
จากนั้นนำท่านสู่ วัดโกไดโดะ (Godaido Temple) เป็นพระอุโบสถขนาดเล็กบนเกาะติดกับท่าเรือมัตสึชิมะ เนื่องจากตั้งอยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่น ทำให้วัดแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองมัตสึชิมะ ถูกสร้างขึ้นในปี 807 เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป 5 องค์ อาคารปัจจุบันได้รับการบูรณะฟื้นฟูขึ้นในปี 1604 โดยขุนนางท้องถิ่น Date Masamune ด้านนอกอาคารตกแต่งด้วยไม้แกะสลักเล็กๆ รูป 12 นักษัตรตามปฏิทินจันทรคติ โดยแบ่งเป็นด้านละ 3 นักษัตร โชคดีที่ในเหตุการณ์สึนามิ และแผ่นดินไหวปี 2011 วัดโกไดโดะนั้นไม่ได้รับความเสียหายใดใด จากนั้นนำท่านชม วัดเอนสึอิน (Entsuin Temple) สร้างขึ้นในปี 1646 ตั้งอยู่ถัดจากวัดซุยกันจิ เพื่อไว้ทุกข์ และบูชาเทพ Mitsumune เทพแห่งความเมตตาที่เสียชีวิตเมื่ออายุเพียง 19 ปี ทางเข้าวัดมีสวนมอส และหินตั้งอยู่ และด้านหลังวัดเป็นป่าไม้สนซีดาร์ไว้สำหรับนั่งทำสมาธิเช่นกัน จากนั้นนำท่านสู่ ปราสาทอาโอบะ (Aoba Castle Ruins) สร้างขึ้นในปี 1600 โดยขุนนางศักดินา Date Masamune สำหรับไว้ป้องกันเมือง โดยเลือกสร้างป้อมปราการไว้บนภูเขาอาโอบะ สูง 100 เมตรจากระดับเมืองด้านล่าง ในช่วง 400 ปีหลังยุคศักดินาถูกต่อต้านในช่วงสมัยเมจิ เกิดไฟไหม้ในปี 1882 และโดนระเบิดในปี 1945 จึงทำให้ปัจจุบันเหลือเพียงเศษซากกำแพงหินด้านนอก และหอรักษาความปลอดภัย และที่สำคัญ คือ อนุสาวรีย์ของท่านไดเมียว (ตำแหน่งเจ้าเมืองในสมัยก่อน) Date Masamune ผู้มีฉายาว่า “มังกรตาเดียว” จากทำเลที่ตั้งของปราสาทเดิมนั้น ท่านสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองด้านล่างที่งดงามได้อีกด้วย ในพื้นที่ของปราสาท ยังมี พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ประวัติศาสตร์ของปราสาทอาโอบะ (Aoba Castle Museum) ซึ่งอาคารมีรูปแบบเหมือนปราสาทที่เคยมีอยู่ในสมัยเอโดะ ภายในจัดแสดงสิ่งประดิษฐ์ต่างๆไว้ และ ศาลเจ้าโกโคคุ (Gokoku Shrine) เป็นศาลเจ้าอุทิศให้กับเหล่าผู้วายชนม์ในสงครามหลังจากการปฏิวัติเมจิ ศาลเจ้าแห่งนี้ นอกจากเราจะสามารถไหว้ศาลเจ้าขอพรแบบปกติทั่วไปแล้ว ก็ยังมีความนิยมในการเขียนอักษรไว้บนลูกน้ำเต้า แล้วนำมาห้อยบนที่จัดไว้ให้ สวยงามแปลกตาทีเดียว ปัจจุบันเต็มไปด้วยรูปปั้นต่างๆ จากนั้นให้ท่านได้เดินเล่น และอิสระช้อปปิ้ง ณ ถนนคลิสโรด (Clisroad Shopping Street)เป็นแหล่งช้อปปิ้งใจกลางเมืองเซนได ถือเป็นถนนสายช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของเมือง มีพื้นที่กว้างขวางยาวไปหลายช่วงตึก โดยสินค้ามีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่อาหารท้องถิ่น หรือฟาสต์ฟู้ด ร้านคาเฟ่เก๋ๆ ศูนย์เกมส์ ไปจนถึงแบรนด์เนมระดับไฮเอนด์เลยทีเดียว เรียกได้ว่าไม่ว่าจะมองหาสินค้าอะไร แบรนด์ไหน ถนนสายนี้มีครบ ซึ่งย่านนี้เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าชั้นนำหลากหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น ฟูจิซากิ (Fujisaki) และมิสึโคชิ (Mitsukoshi) มีแบรนด์ให้เลือกอีกหลากหลายสไตล์ หรือแม้แต่สินค้าพวกรองเท้ากีฬา ก็ยังมีร้านให้เลือกไม่ว่าจะเป็น ABC-Mart ที่รวบรวมรองเท้ากีฬาหลากหลายแบรนด์ในราคาที่ถูกกว่าซื้อที่อื่น หรือร้าน Adidas ที่มีรองเท้าให้เลือกซื้อตั้งแต่รุ่นทั่วไปจนถึงรุ่น limited Edition ท่านสามารถเดินช้อปแบบทอดน่องไปเรื่อยๆ อย่างไม่ต้องกลัวร้อน ฝน หรือหิมะเลยทีเดียว เพราะมีหลังคาคลุมตลอดทาง
**อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
ที่พัก HOTEL ROUTE-INN SENDAI NAGAMACHI INTERCHANGE หรือเทียบเท่าระดับเดียวกัน
วันที่หก : สนามบินนานาติเซนได-กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ) (TG 8061 SDJ-BKK 10:35-15:00)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม (8)
หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จ สมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบินนานาชาติเซนได...
10.35 น. ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบิน THAI AIRWAYS (TG)เที่ยวบินที่ TG 8061 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง) ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง
15.00 น. คณะเดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ และความประทับใจ...
กำหนดการเดินทาง |
ที่นั่ง |
ราคา |
|
ผู้ใหญ่ |
พักเดี่ยว |
||
29 ธันวาคม 66-03 มกราคม 67(BUS 1) |
34 |
69,919.- |
20,900.- |
29 ธันวาคม 66-03 มกราคม 67 (BUS 2) |
34 |
73,919.- |
20,900.- |
29 ธันวาคม 66-03 มกราคม 67 (BUS 3) |
34 |
75,919.- |
20,900.- |
29 ธันวาคม 66-03 มกราคม 67 (BUS 4) |
34 |
75,919.- |
20,900.- |