ทัวร์ไอซ์แลนด์ 26 ก.ย.- 5 ต.ค.67 Pearl of Iceland 10 วัน 8 คืน บิน AY เดินทาง กันยายน 2567

ไม่พบสินค้า

วันแรก : กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ) – เฮลซิงกิ (- / - / D)

04.00 น.  คณะพบเจ้าหน้าที่และหัวหน้าทัวร์ บริเวณจุดนัดพบ ประตู 10 อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4  สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจเช็คเอกสารก่อนนำท่านเช็คอินที่เคาร์เตอร์S สายการบินฟินแอร์  (น้ำหนักกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่อง ท่านละ 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 23 กิโลกรัม และถือขึ้นเครื่องได้อีกท่านละ 1 ใบ ไม่เกิน 7 กิโลกรัม)
07.15 น.  ออกเดินทางสู่สนามบินเฮลซิงกิ โดยสายการบินฟินแอร์ เที่ยวบินที่ AY142 (บริการอาหารและเครื่องดื่มระหว่างเที่ยวบิน)
15.25 น. เดินทางถึงสนามบินเฮลซิงกิ กรุงเฮลซิงกิ เมืองหลวงประเทศฟินแลนด์ ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง พร้อมรับสัมภาระ และการตรวจของศุลกากร นำคณะขึ้นรถโค้ชที่รอรับ (เวลาที่ฟินแลนด์ช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง ขอแนะนำให้ทุกท่านปรับเวลาเป็นเวลาท้องถิ่นเพื่อความเข้าใจเวลานัดหมายที่ตรงกัน) จากนั้นนำท่านสู่โรงแรมเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางระยะยาว
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก  Break Sokos Hotel Flamingo, Vantaa หรือเทียบเท่า

วันที่สอง  : กรุงเฮลซิงกิ – กรุงเรคยาวิก – เมืองฟอสสาทูน – โทรลล์วอล์ค – บ่อน้ำพุร้อน เดลดาร์ตุงกูเวอร์  – เขาคีร์กจูเฟล – เมืองบอร์การ์เนส   (B / L / D)

เช้า  บริการอาหารเช้า แบบกล่อง (เนื่องจากต้องออกเดินทางไปสนามบินแต่เช้า)
04:30 น.นำท่านออกเดินทางสู่สนามบินเฮลซิงกิ เพื่อทำการเช็คอินสายการบินฟินแอร์  
07:10 น. ออกเดินทางสู่สนามบินเคฟลาวิก โดย สายการบินฟินแอร์ เที่ยวบินที่ AY991  ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมง 50 นาที
08:00 น. ถึง สนามบินเคฟลาวิกสาธารณรัฐไอซ์แลนด์ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง พร้อมรับสัมภาระและการตรวจของศุลกากร นำคณะขึ้นรถโค้ชที่รอรับ (เวลาที่ไอซ์แลนด์ช้ากว่าประเทศไทย 7 ชั่วโมง) จากนั้นนำท่านสู่ เมืองฟอสสาทูน (ระยะทาง 133 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง)
เพิ่มประสบการณ์พิเศษก่อนมื้ออาหารกลางวัน ด้วยการเดินระยะสั้นๆ ในเส้นทาง โทรลล์วอล์ค Troll Walk”เพื่อเรียนรู้ความเชื่อที่มีเอกลักษณ์อันน่าหลงใหลกับตำนานเอลฟ์และโทรลล์ของชาวนอร์ดิกโบราณที่ยังคงฝังรากลึกอยู่ในวัฒนธรรมและประเพณีของชาวไอซ์แลนด์  ให้ท่านได้เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อันงดงามของน้ําตกโทรลล์ และวงกลมภูเขาบอร์การ์ฟยอร์ดูร์
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
จากนั้นนำท่านชม บ่อน้ำพุร้อนเดลดาร์ตุงกูเวอร์ “Deildartunguhver Thermal Spring”  ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 20 กิโลเมตร เป็นบ่อน้ำพุร้อนใหญ่ที่สุดในประเทศ และเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่ไหลเร็วที่สุดในยุโรป อุณหภูมิน้ำสูงสุด 97 องศาเซลเซียส ในช่วงฤดูร้อนจะมีชาวบ้านมาตั้งร้านขายผัก ผลไม้ ด้วยเนื่องจากแถวๆ นี้มีเรือนเพาะชำซึ่งใช้ความร้อนจากบ่อน้ำพุแห่งนี้เพื่อให้ความอบอุ่นกับต้นไม้
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ภูเขาเคีร์กจูเฟล “Kirkjufell”(ระยะทาง 139 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง)  ภูเขาที่คล้ายกับโบสถ์ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดจนถือได้ว่าเป็นหนึ่งในภาพสัญลักษณ์ของประเทศไอซ์แลนด์ก็ว่าได้ ตัวภูเขามีลักษณะเป็นรูปกรวยคว่ำชั้นๆ ต่างสีกัน มีความสูงประมาณ 463 เมตร ใกล้ๆ ภูเขายังมีน้ำตกขนาดเล็กที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่งด้วย ไม่ว่าจะมาเที่ยวในช่วงไหนของปีก็มีความงดงามตลอด โดยเฉพาะในหน้าหนาวที่จะมองเห็นภูเขาเคีร์กจูเฟลปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว ให้ท่านชื่นชมกับบรรยากาศและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ถึงเวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ เมืองบอร์การ์เนส
(ระยะทาง 106 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที) 
ค่ำ  บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก B59 Hótel, Borganes ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า
*** ท่านสามารถเดินเล่นชมความงามของธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ การเกิดแสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดให้เห็นในเวลากลางคืนช่วงเดือนกันยายน - มีนาคม ของทุกปี ***  

วันที่สาม  : บอร์การ์เนส – วงกลมทองคำ – อุทยานแห่งชาติธิงเลลีร์ – น้ำพุร้อนธรรมชาติ ไกเซอร์ – ขี่สโนว์โมบิลตะลุยทุ่งน้ำแข็ง – น้ำตกกุลล์ฟอสส์ – เฮลลา   (B / L / D)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
นำท่านออกเดินทางสู่เส้นทางวงกลมทองคำ ที่ซึ่งผู้มาเยือนไอซ์แลนด์ต้องไม่พลาด  เข้าชมเขตอุทยานแห่งชาติธิงเลลีร์ “Thingvellir National Park”  (ระยะทาง 91 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที) อุทยานแห่งชาติแห่งแรกและเป็นพื้นที่ที่ได้รับการยอมรับว่ามีธรรมชาติที่สวยงามแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ ตั้งอยู่ระหว่างรอยแยกของหุบเขากับทะเลสาบ และนับเป็นจุดกำเนิดทางประวัติศาสตร์และทางธรณีวิทยาที่น่าสนใจของโลกองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรมในปี ค.ศ.2004
นำท่านเดินชมจุดบริเวณที่เคยเป็นสภาและสถานที่คัดเลือกผู้นำแห่งแรกของชาวไอซ์แลนด์ เมื่อปี ค.ศ. 930 ชมรอยแตกร้าวของของโลกที่มีความลึกลงสู่ใต้ดินถึง 14  เมตร ที่เกิดจากแผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ. 1784 และรอยแตกนี้ก็จะขยายออกไปอีกถึงปีละ 1 เซนติเมตร
นำท่านชมน้ำพุร้อนธรรมชาติ หรือ ไกเซอร์ “Geysir Geothermal”ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า Geyser ที่ใช้กันทั่วโลก ชมสโทรคูร์ “Strokkur”อันโด่งดังที่พ่นน้ำพุร้อนพวยพุ่งขึ้นสูงกว่า 180 ฟุต ทุกๆ 7-10 นาที และยังมีสระน้ำร้อนหรือน้ำพุร้อนที่น่าตื่นตาให้ชมอีกหลายแห่ง แหล่งน้ำพุร้อนแห่งนี้ก็ยังมีน้ำที่ร้อนมากเกินกว่าที่จะลงไปสัมผัสได้จึงมีการล้อมรั้วกั้นไว้และมีป้ายเตือนให้ทราบว่าน้ำในนี้มีอุณหภูมิสูงถึง 100°องศาเซลเซียส พลังงานที่อยู่ใต้หินเปลือกโลกและถูกขับเคลื่อนออกมาเป็นน้ำนี้ทางรัฐบาลได้แปลงความร้อนให้เป็นพลังงานไฟฟ้าส่งใช้ทั่วประเทศ 
กลางวัน  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านสัมผัสประสบการณ์พิเศษยามบ่าย กับการนั่งรถจี๊ปมุ่งหน้าสู่สโนว์   โมบิลแคมป์ ที่อยู่บริเวณเชิงธารน้ำแข็งลางโจกุล Langjökull Glacier ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองของไอซ์แลนด์ ระหว่างทางที่รถวิ่งท่านจะได้เห็นวิวชนบทสวยๆ ทุ่งลาวาและหน้าผาหินซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของไอซ์แลนด์เมื่อคุณเดินทางไปถึงที่เบสแคมป์ ทัวร์มีบริการชุดกันความหนาว หมวกกันน็อก ถุงมือ รองเท้าบู๊ท ให้ท่านแต่งกายให้เหมาะสมและจะมีการแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับวิธีการขี่สโนว์โมบิลด้วย  นำท่านขี่สโนว์โมบิลตะลุยทุ่งน้ำแข็ง ชมทิวทัศน์วิวภูเขาอันงดงาม กับบรรยากาศที่จะทำให้ท่านประทับใจอย่างเต็มอิ่ม 1 ชั่วโมง
หมายเหตุ : สโนว์โมบิล 1 คัน ต่อ 2 ท่าน และสำหรับท่านที่เป็นผู้ขับสโนว์โมบิล ต้องมีใบอนุญาตขับขี่โชว์เจ้าหน้าที่  ดังนั้นกรุณานำใบขับขี่รถยนต์ติดพร้อมถ่ายสำเนา 1 ชุดไปด้วย สามารถใช้ใบขับขี่ไทย ที่มีภาษาอังกฤษไปโชว์ได้
หลังจบจากการขี่สโนว์โมบิล นำท่านนั่งรถกลับไปที่ น้ำตกกุลล์ฟอสส์ (Gullfoss)น้ำตกที่ตกลงไปยังหุบเขาโบราณที่มีความลึกกว่า 32 เมตร ในภาษาไอซ์แลนด์ Gullfoss หมายถึงน้ำตกทองคำ ซึ่งถือได้ว่าเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงและงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในไอซ์แลนด์ จนได้สมญานามว่า ไนแองการ่าแห่งไอซ์แลนด์ และได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ จากองค์การยูเนสโก ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งมีความสวยงามอลังการเป็นอย่างมาก
จากนั้นนำท่านเดินเข้าสู่ที่พัก
ค่ำ   บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก  Stracta Hotel, Hella หรือเทียบเท่า
*** ท่านสามารถเดินเล่นชมความงามของธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ การเกิดแสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดให้เห็นในเวลากลางคืนช่วงเดือนกันยายน - มีนาคม ของทุกปี ***

วันที่สี่   : เฮลลา – ถ้ำน้ำแข็ง “Katla Ice Cave” - แหลมดีร์โฮเลย์ - หาดทรายดำ - ฟยาดราเกลยูเฟอร์ แคนยอน(B / L / D)

เช้า  บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ย่านหมู่บ้านวิค และเปลี่ยนการเดินทางเป็นรถซุปเปอร์จิ๊ปขับเคลื่อนสี่ล้อ สู่การสำรวจถ้ำน้ำแข็ง “Katla Ice Cave”
รถจะพาคุณไปที่ธารน้ำแข็งเคิทลุโจกุล “Kötlujökull” อันเป็นส่วนหนึ่งของทุ่งน้ำแข็งมิร์ดาลส์โจกุล “Mýrdalsjökull” ที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของประเทศไอซ์แลนด์ ภายใต้ธารน้ำแข็งคือ ภูเขาไฟคัทล่า “Katla” ที่ยังคงเดือดอยู่แต่โอกาสที่จะประทุนั้นมีน้อยมาก ขณะเดินทางท่านจะได้ชมภูมิประเทศที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น ภูมิประเทศที่แปลกตา คาบมหาสมุทร หมวกน้ำแข็ง วิวภูเขา และอื่นๆมากมาย ยากที่จะนับ เมื่อเดินทางถึงจุดจอดรถ ไกด์ท้องถิ่นจะให้การแนะนำในการส่วนใส่อุปกรณ์ป้องกัน เช่น รองเท้าตะขอสำหรับเดินบนน้ำแข็ง หมวกกันน็อค และไฟฉายติดหมวก และนำท่านเดินเข้าสำรวจถ้ำน้ำแข็งคัทลา ทุกปีในช่วงหน้าร้อนถ้ำน้ำแข็งจะมีการละลายผ่านก้อนน้ำแข็ง ทำให้ก้อนน้ำแข็งนั้นเปลี่ยนแปลงตลอดตามธรรมชาติ และท่านจะไม่สามารถเห็นก้อนน้ำแข็งอันเดิมได้ในปีถัดไปอีกด้วย  ให้ท่านเก็บภาพความงามอย่างจุใจ จากนั้นนำท่านกลับสู่หมู่บ้านวิค
กลางวัน  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านชมแหลมดีร์โฮเลย์ “Dyrhólaey”เดิมเรียกว่าเคปพอร์ตแลนด์ “Cape Portland” โดยชาวอังกฤษ ดีร์โฮเลย์เป็นแหลมที่ยื่นออกมาทางชายฝั่งตอนใต้ของไอซ์แลนด์ และตั้งอยู่ไม่ไกลจากย่านชุมชนวิค “Vik” ซึ่งเป็นดินแดนที่อยู่บริเวณใต้ของประเทศ เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1978 เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า เกาะเนินประตู “Door hill island"คำว่าประตูมาจากลักษณะที่มีซุ้มลาวาโค้งขนาดมหึมาซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลและลมที่พัดผ่าน ตระหง่านอยู่กับหาดทรายสีดำ และเคยมีนักบินผาดโผนที่บินผ่านโค้งหินนี้ด้วยเครื่องบินขนาดเล็กมาแล้ว
นำท่านชม เรย์นิสฟายาร่าหรือ หาดทรายดำ ที่มีชื่อเสียงที่สุดของไอซ์แลนด์ และเป็นหนึ่งในหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ทรายสีดำที่ชายหาดแห่งนี้เป็นตะกอนเม็ดทรายสีดำที่เกิดจากการสึกกร่อนของหินลาวาและแนวหินบะซอลต์ ที่ถูกพัดพาไปสะสมตัวบริเวณชายหาด มีความหนาแน่นและทนทานต่อการแตกสลายผุพัง บริเวณนี้เป็นบริเวณที่คลื่นพัดแรง จะพัดเอาวัตถุที่มีความหนาแน่นน้อยกว่าออกไป วัตถุที่มีความหนาแน่นมากกว่าจะถูกพัดพาออกไปได้ช้าหรือยังคงสะสมรวมตัวกันอยู่ จนกลายเป็นชายหาดที่มีทรายสีดำ
จากนั้นนำท่านชม ฟยาดราเกลยูเฟอร์ แคนยอน “Fjaðrárgljúfur”หุบโตรกฟยาดราเกล  ยูเฟอร์ อีกจุดท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจนี้อยู่ไม่ไกลจากกทางตะวันออกเฉียงใต้ของถนนวงแหวน มีลักษณะเป็นช่องเขาที่เกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็งโบราณที่พยายามกัดเซาะชั้นลาวาภูเขาไฟในบริเวณนี้ จนเกิดเป็นแนวช่องแคบยาวประมาณ 2 กิโลเมตร และลึก 100 เมตร เมื่อก่อนที่นี่มีนักท่องเที่ยวไม่มากนักเมื่อเทียบกับบริเวณชายฝั่งทางตอนใต้ จนกระทั่ง Justin Bieber มาถ่ายทำมิวสิควิดีโอบริเวณนี้ จนเป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก
จากนั้นนำท่านเดินเข้าสู่ที่พักที่เมืองเคริกยูไปยาร์เคลยสตูร์
ค่ำ  บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก  Hotel Laki, Kirkjubaejarklaustur หรือเทียบเท่า       
*** ท่านสามารถเดินเล่นชมความงามของธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ การเกิดแสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดให้เห็นในเวลากลางคืนช่วงเดือนกันยายน - มีนาคม ของทุกปี ***   

วันที่ห้า   : โจกุลซาลอน - ไดมอนด์บีช - ล่องเรือ ชมทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน - ฟยาลลส์โจกุลล์ - ธารน้ำแข็งสกาฟตาเฟล - ทุ่งลาวามอสส์  (B / L / D)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ โจกุลซาลอน ชมโจกุลซาลอน ลากูน “Jökulsárlón Lagoon”ทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ และขยายเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปีจากการละลายของธารน้ำแข็งอย่างต่อเนื่องแสดงจากผลกระทบของภาวะโลกร้อน แต่สิ่งที่ทำให้ทะเลสาบและธารน้ำแข็งที่อยู่ใกล้เคียงเกิดความน่าสนใจมากขึ้น คือเมื่อภูเขาน้ำแข็งได้แตกออกและไหลลงไปในธารน้ำแข็งและตกลงไปยังทะเลสาบ ละลายอย่างช้าๆ และถูกพัดออกไปในทะเล ก่อนที่ก้อนน้ำแข็งเหล่านี้จะถูกคลื่นมหาสมุทรซัดขึ้นกลับสู่ชายหาดทรายดำที่ชื่อว่า เปรียดาร์แมร์คูร์ซานดูร์ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับลากูนแห่งนี้ จนเป็นเหมือนเป็นประติมากรรมน้ำแข็งขนาดเล็กที่เปล่งประกายภายใต้แสงอาทิตย์ มองดูเหมือนเพชรที่ส่องประกาย จนทำให้ถูกเรียกอีกชื่อว่า ไดมอนด์บีช “Diamond Beach” มีเวลาให้ท่านเก็บภาพความประทับใจ
จากนั้นนำท่าน ขึ้นเรือสะเทินน้ำสะเทินบกที่จอดรออยู่บนบกและเรือจะแล่นพาท่านลงสู่ทะเลสาบธารน้ำแข็งโจกุลซาร์ลอน ล่องเรือ ชมลากูนสีเขียวเทอเคอวย์ใน ที่เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งหรือไอซ์เบิร์ก (iceberg) ขนาดต่างๆ มากมาย และแมวน้ำสิ่งมีชีวิตน่ารักที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบ ไกด์ท้องถิ่นคอยบรรยายภาษาอังกฤษให้ความรู้แก่ทุกท่าน เมื่อเรือพาคุณลงไปในทะเลสาบที่มีภูเขาน้ำแข็งล้อมรอบจากทุกมุม คุณจะได้สัมผัสกับความงามที่แตกต่างออกไป
นำท่านชมและถ่ายรูป ณ จุดชมวิว ฟยาลลส์โจกุลล์ “Fjallsjokull”  บริเวณที่เป็นทางออกธารน้ำแข็ง Oraefajokull และตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติวัจนาโจกุลไม่ไกล ท่านจะได้เพลิดเพลินไปกับภูมิทัศน์ที่น่าทึ่งพร้อมทิวทัศน์อันงดงามของภูเขาและรอยแยกที่อยู่ใกล้เคียง นอกจากนี้ท่านยังมีโอกาศได้เห็นน้ำแข็งที่ไหลลงมาจากภูเขาสู่มหาสมุทรซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างแท้จริง
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เขต อุทยานแห่งชาติสกาฟตาเฟล ผ่านชมทัศนียภาพที่สวยงามของประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งเต็มไปด้วยความแปลกของแนวภูเขาไฟและ ชั้นหินลาวาที่แข็งตัวแบบที่ท่านไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ชมน้ำตกระหว่างเส้นทาง ที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งบนยอดเขาเป็นเส้นทางที่สวยงามมากอีกแห่งหนึ่งของประเทศไอซ์แลนด์ แวะจุดชมวิวให้ท่านได้ถ่ายภาพคู่กับ ธารน้ำแข็งสกาฟตาเฟล (SkatafellGlacier)  หนึ่งในจุดที่ท่านสามารถเก็บภาพธารน้ำแข็งได้สะดวกที่สุด และเป็นอีกหนึ่งในจุดยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวมักจะแวะเวียนมาถ่ายรูปคู่กับกลาเซีย
จากนั้นนำท่านชมและถ่ายรูปกับ ทุ่งลาวาเอลธรอน “Eldhraun Lava Field”ตั้งอยู่ใกล้หมู่บ้านคีร์กจูแบจาร์เคลาส์ตูร “Kirkjubæjarklaustur” ที่นี่ถือว่านอกจากจะเป็นทุ่งลาวามอสส์ที่ใหญ่ที่สุดของไอซ์แลนด์แล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทั้งในแง่ธรณีวิทยา ซึ่งเกิดจากการปะทุขนาดใหญ่ของภูเขาไฟ Skaftáreldar นับเป็นอีกหนึ่งภัยพิบัติที่รุนแรงที่สุดของไอซ์แลนด์ ลาวาร้อน ๆ ไหลลงสู่ด้านล่าง หลอมละลายต้นไม้ต่าง ๆ จนเหลือแต่ซากทุ่งลาวาขนาดใหญ่ นานวันเข้าก็ถูกปกคลุมด้วยมอสส์สีเขียวแผ่ขยายเป็นทุ่งอันงดงาม กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศ
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ที่พัก
ค่ำ  บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก   Hotel Laki, Kirkjubaejarklaustur หรือเทียบเท่า       
*** ท่านสามารถเดินเล่นชมความงามของธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ การเกิดแสงเหนือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดให้เห็นในเวลากลางคืนช่วงเดือนกันยายน - มีนาคม ของทุกปี ***

วันที่หก  : ฟยาดราเกลยูเฟอร์ - น้ำตกสโคก้าฟอสส์ - น้ำตกแซลยาลานด์ฟอสส์ - ปล่องภูเขาไฟเคริด - กรุงเรคยาวิก - ช็อปปิ้งที่ถนนเลยการ์แวร์กูร์  (B / L / D)

เช้า  บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ กรุงเรคยาวิค เมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่อยู่เหนือสุดของโลก ระหว่างท่างนำท่านแวะชมความงามของ น้ำตกสโคก้าฟอสส์ “Skogafoss”น้ำตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์  มีความสูงประมาณ 60 เมตร ซึ่งไหลมาจากแม่น้ำสโคก้า มองเห็นได้ชัดเจนจากทางหลวงหมายเลข 1 และเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการแวะพักและยืดเส้นยืดสายขณะเดินทางท่องเที่ยวชายฝั่งทางใต้ของไอซ์แลนด์ แม่น้ำด้านล่าง Skógafoss มีปลาแซลมอนจำนวนมากจึงเป็นจุดที่โปรดปรานสำหรับชาวประมงในฤดูร้อน ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายรูปความสวยงามอยู่ไม่ขาด มุมถ่ายรูปยอดนิยมคือ ภาพของน้ำตกสโกกาฟอสส์ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟเอยาฟยาตลาเยอคุตล์
จากนั้นนำท่านชม น้ำตกแซลยาลานด์ฟอสส์ “Seljalandfoss”น้ำตกเพียงไม่กี่แห่งในไอซ์แลนด์ที่สามารถเดินไปด้านหลังได้รอบ 360 องศา มีความสูงประมาณ 60 เมตร อีกหนึ่งน้ำตกที่มีชื่อเสียงชนิดที่ว่าแทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของไอซ์แลนด์เลย เมื่อสายน้ำจากด้านบนไหลลงมาปะทะกับผืนน้ำด้านล่าง ทำให้เกิดละอองน้ำบางๆ ฟุ้งกระจายไปทั่ว ตัวน้ำตกนั้นตั้งอยู่ทางทิศใต้ของธารน้ำแข็งเอยาฟยาตลาเยอคุตล์ ธารน้ำแข็งขนาดเล็กที่ปกคลุมภูเขาไฟสูง 1,666 เมตร ซึ่งปะทุค่อนข้างบ่อยและได้ปะทุขึ้นครั้งล่าสุดในปี ค.ศ. 2010 ซึ่งส่งผลให้น่านฟ้าทั่วยุโรปต้องปิดการใช้งานไปชั่วคราวในขณะนั้น
กลางวัน  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
จากนั้นนำท่าน ปล่องภูเขาไฟเคริด “Kerid Crater”ที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อน มีความลึกประมาณ 55 เมตรกว้าง 170 เมตร เป็นหนึ่งในสถานท่องเที่ยวที่มีคนถ่ายรูปมากที่สุดในภูมิประเทศปล่องภูเขาไฟเคริด Kerid Crater เป็นทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ ห่างจากเมือง Selfoss ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 30 กิโลเมตร สิ่งที่ทำให้ ปล่องภูเขาไฟเคริด Kerid Crater โดดเด่นคือสีสันที่สดใสและตัดกัน ผนังของปล่องภูเขาไฟแสดงเฉดสีแดง ส้ม และน้ำตาล ซึ่งเกิดจากการมีธาตุเหล็กออกซิไดซ์ในหินภูเขาไฟ สีสันที่สดใสเหล่านี้ประกอบกับน้ำสีเขียวอมฟ้าที่เติมปากปล่องภูเขาไฟ ทำให้เกิดภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ สีสันที่ตัดกันและทะเลสาบอันเงียบสงบภายในปากปล่องภูเขาไฟ ให้ท่านได้ชื่นชมและเก็บภาพที่น่าทึ่ง ดื่มด่ำกับสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ แอ่งภูเขาไฟแห่งนี้
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ย่านใจกลางกรุงเรคยาวิก ถนนเลยการ์แวร์กูร์ (Laugavegur) ถนนช็อปปิ้งหลักของกรุงเรคยาวิค และเชื่อมต่อถึงถนนช็อปปิ้งบานกัสไรตี เอยส์เตยสแลตี แลกจาร์กาตา และสโกลาโวแลคตีกูร์ ถนนทุกสายนี้สามารถเดินเท้าถึงกันได้ง่ายๆ จากใจกลางเมือง สำหรับท่านที่รักการช๊อปปิ้ง เราขอแนะนำร้านเสื้อผ้า แบรนด์ชั้นนำต่างๆ เช่น 66 นอร์ท ซินตามานิโซออน หรือไอซ์แวร์  ให้ท่านได้เดินชมบรรยากาศ และเลือกซื้อของฝากอิสระตามอัธยาศัย
ค่ำ   บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก  Grand Hotel, Reykjavík หรือเทียบเท่า   

วันที่เจ็ด   :  - โบสถ์ฮอลล์กริมสเคิร์กยา - ประติมากรรม “Sun Voyager” - อาคารฮาร์ปาคอนเสิร์ต - อาคารเพอร์แลน - บ่อน้ำแร่บลูลากูน - เคฟลาวิก   (B / L / D)

เช้า   บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
จากนั้นนำท่านเที่ยวชมกรุงเรคยาวิค เมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์ ชมและถ่ายรูปด้านหน้าโบสถ์ฮอลล์กริมสเคิร์กยาโบสถ์คริสต์นิกายลูเธอรัน แลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเรคยาวิก ว่ากันว่าเราสามารถมองเห็นโบสถ์แห่งนี้ได้จากเกือบทุกที่ในตัวเมืองเรคยาวิค โบสถ์แห่งนี้ตั้งชื่อตามพระในศาสนาคริสต์ที่ชื่อฮาลล์กริมูร์ (Hallgrímur Pétursson)ที่เป็นทั้งนักกวี และนักประพันธ์ ผลงานที่มีชื่อและเป็นที่รู้จักกันอย่างดีของชาวไอซ์แลนด์ ออกแบบโดยนายกุดโยน (Guðjón Samúelsson) ซึ่งกว่าจะได้สร้างจบแล้วเสร็จก็ใช้เวลาทั้งหมด 38 ปี โดยเริ่มในปี ค.ศ.1945 กระทั่งแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1986 บริเวณด้านหน้าของโบสถ์ยังมี “อนุเสาวรีย์ของเลฟร์ อีริกสัน” (Leifur Eiríksson) นักเดินทางคนสำคัญในประวัติศาสตร์โลก ที่สหรัฐอเมริกาได้มอบให้แก่ไอซ์แลนด์เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 1 พันปี รัฐสภา “Althing” ของไอซ์แลนด์
จากนั้นแวะให้ท่านถ่ายรูปกับประติมากรรม “Sun Voyager”ที่ผู้สร้างตีความหมายว่าเป็นเรือแห่งความฝันโดย ตัวประติมากรรมจะเป็นลักษณะเหมือนเรือไวกิ้งหันหน้าออกสู่ท้องทะเลของไอซ์แลนด์
ชมและเก็บภาพด้านหน้าบริเวณ อาคารฮาร์ปาคอนเสิร์ตและคอนเฟอเรนซ์ฮอลล์ “Harpa Concert and Conference Hall “ที่หรูหราตั้งอยู่ในเขตท่าเรือเก่าในเมืองเรคยาวิค
กลางวัน  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านชมวิวเมืองเรคยาวิคแบบ 360 องศา ณ จุดชมวิวของอาคารเพอร์แลน “Perlan”อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมือง คำว่าเพอร์แลนในภาษาไอซ์แลนด์จะตรงกับคำว่า The Pearl ที่แปลว่า "ไข่มุก" อาคารเพอร์แลน เป็นพิพิธภัณฑ์และโดมกระจกหมุนได้ สร้างขึ้นบนแท็งก์น้ำ 6 ถัง โดย 4 ถังยังคงใช้เก็บน้ำร้อนส่วนใหญ่ที่ใช้ในเมืองเรคยาวิก ตั้งอยู่บนยอดเขาเอิสจูฮลิด และเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่โดดเด่นที่สุดของเมืองเรคยาวิก เป็นสิ่งก่อสร้างที่เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเรคยาวิค
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองกรินดาวิก สู่ บ่อน้ำแร่บลูลากูน “Blue Lagoon”หรือ ทะเลสาบน้ำแร่สีฟ้าสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพระดับโลกและโด่งดังที่สุดของประเทสไอซ์แลนด์ นักท่องเที่ยว 95% ต่างไม่พลาด กับการมาเยือนสถานที่แห่งนี้ ซึ่งบ่อน้ำแร่บลูลากูนแห่งนี้ เป็นบ่อน้ำแร่ที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุมากมายและยังมีเกลือแร่ซึ่งจะช่วยให้ท่านผ่อนคลายและรักษาโรคที่เกี่ยวกับผิวหนัง อีกทั้งยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งอีกด้วย อิสระให้ท่านแช่น้ำแร่ธรรมชาติ สัมผัสกับความสบายตัวจากการลงแช่น้ำแร่ เพื่อการพักผ่อนตามอัธยาศัย (สำหรับการแช่น้ำแร่ในบลูลากูนกรุณาเตรียมชุดว่ายน้ำและหมวกคลุมผมไปด้วยติดตัวไปด้วย ทางบริษัทมีบริการผ้าขนหนูให้ท่านละ 1 ผืน พร้อมเครื่องดื่มต้อนรับท่านละ 1 แก้ว) 
ค่ำ  บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก Park inn By Radisson, Reykjavik หรือเทียบเท่า

วันที่แปด  : เคฟลาวิค – กรุงเฮลซิงกิ  - ช้อปปิ้งบริเวณมาร์เก็ต สแควร์ (B / - / D)

05:30 น.บริการอาหารเช้า แบบกล่อง (เนื่องจากต้องออกเดินทางไปสนามบินแต่เช้า)
06:00 น.นำท่านเดินทางสู่สนามบินเคฟลาวิก เพื่อทำการเช็คอินไฟล์ของสายการบินฟินแอร์ 
(น้ำหนักกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องสูงสุด ท่านละ 1 ใบ ไม่เกิน 23 กิโลกรัม และถือขึ้นเครื่องได้อีกท่านละ 1ใบ ไม่เกิน 7 กิโลกรัม) 
08.45 น. ออกเดินทางสู่เมืองเฮลซิงกิ โดยสายการบินฟินแอร์ เที่ยวบินที่ AY992
(ใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมง 25 นาที)
***อิสระอาหารกลางวัน เนื่องจากอยู่ระหว่างบิน
15.10 น.   เดินทางถึงสนามบินเฮลซิงกิ นำคณะขึ้นรถโค้ชที่รอรับ และเดินทางเข้าสู่กรุงเฮลซิงกิ  นำท่านชม เซเนท สแควร์ (Senate Square) จัตุรัสกลางเมืองที่ใช้จัดกิจกรรมใหญ่ๆ และเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเฮลซิงกิ โดยใจกลางจัตุรัสมีอนุสาวรีย์พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 2 ประดิษฐานอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่า อิสระให้ท่านได้ ช้อปปิ้งบริเวณมาร์เก็ต สแควร์ ซึ่งมีร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านขนมอบเนื้อแบบฟินแลนด์ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่หวานอร่อย ไอศกรีมเนื้อเนียนรสชาติดี หรือลิ้มลองอาหารอื่นๆ ที่ชาวฟินแลนด์นิยมรับประทานไม่ว่าจะเป็น ปลาแฮร์ริง (Herring) ปลา Vendace ทอด ชีส และอื่นๆ อีกมากมายได้จากที่นี่เช่นกัน
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องภัตตาคาร
จากนั้นนำท่านสู่โรงแรม เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทาง
ที่พัก  Scandic Grand Marina, Helsinki ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า

วันที่เก้า   : กรุงเฮลซิงกิ - กรุงเทพ (สนามบินสุวรรณภูมิ)  (B / - / - )

เช้า  บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
10:00 น. ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบินเฮลซิงกิ เพื่อทำการเช็คอินไฟล์ของสายการบินฟินแอร์ กลับสู่กรุงเทพ
14.15 น.   ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินฟินแอร์ เที่ยวบินที่ AY141

วันที่สิบ   : กรุงเทพ (สนามบินสุวรรณภูมิ)  (- / - / - )

05.25 น.   นำท่านเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

อัตราค่าบริการ ต่อท่าน เป็นสกุลเงิน ไทยบาท
สำหรับคณะผู้เดินทาง 25 ท่าน ขั้นต่ำ 15 ท่านออกเดินทาง

วันเดินทาง

ราคาผู้ใหญ่ ต่อท่าน
พักห้องคู่

พักเดี่ยว
จ่ายเพิ่ม

26 ก.ย. - 5 ต.ค. 67

189,900

38,000

  • ราคารวมทิป คนขับรถ ไกด์ท้องถิ่น หัวหน้าทัวร์ และค่าวีซ่า แล้ว   
  • กรุ๊ปการันตีขั้นต่ำ 15 ท่าน ออกเดินทาง กรณีที่คณะต่ำกว่า 15 ท่าน แต่ไม่น้อยกว่า 10 ท่าน และยืนยันจะเดินทาง ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บเพิ่มและต้องได้รับความยินยอมจากทุกท่านที่ร่วมเดินทางเท่านั้น
  • เด็กอายุต่ำกว่า 2 - 4 ปี ราคาพักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน ลด 2,500 บาท / เด็กอายุ 5 ขึ้นไป ราคาเท่าผู้ใหญ่ปรกติ
Visitors: 177,047