ทัวร์สวีเดน-ฟินแลนด์-นอร์เวย์-เดนมาร์ก ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน 14วัน เดินทาง มิ.ย.-ส.ค. 67 | การบินไทย

รหัสสินค้า : CJN_H002_MIDNIGHTSUN_14D_Jun-Aug.24_TG

ราคา

279,900.00 ฿

จำนวนที่จะซื้อ
ราคารวม 279,900.00 ฿

สินค้าไม่เพียงพอ

สินค้าหมด

โปรแกรม: 14 วัน มิดไนท์ซัน ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน นอร์ทเคป - โลโฟเตน

(สวีเดน – ฟินแลนด์ – นอร์เวย์ – เดนมาร์ก)

***เส้นทางอันซีน พร้อมตกปูยักษ์ หมู่เกาะโลโฟเตน และ แอตแลนติกโร้ด

ราคา: 279,900 บาท **(รวมวีซ่าเชงเก้นและทิปต่างๆ พร้อมเที่ยวบินภายใน 4 เที่ยวบิน)

โดยสายการบิน: การบินไทย (TG)

สตอกโฮล์ม (สวีเดน) ล่องเรือซิลจาไลน์ (ห้อง Sea View) เฮลซิงกิ (ฟินแลนด์) อิวาโล ลักเซล ออนนิงสแวก (กิจกรรมจับปูยักษ์ พร้อมลิ้มลองเมนูปูยักษ์) ไอซ์บาร์ นอร์ทเคป (ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน) อัลต้า ทรุมเซอ หมู่เกาะโลโฟเตน หมู่บ้านแฮมนอยด์ โบโด ทรอนด์เฮม คริสเตียนซุนด์ แอตแลนติกโร้ด ออสโล (นอร์เวย์) ล่องเรือ DFDS (ห้อง Sea View) โคเปนเฮเกน (เดนมาร์ก)

เดินทาง: 22 มิ.ย. - 5 ก.ค. 67 / 20 ก.ค. - 2 ส.ค. 67 / 3 - 16 ส.ค. 67

หมายเหตุ: กรุณาสอบถามที่นั่งว่างก่อนทำการจอง

14 วัน มิดไนท์ซัน ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน นอร์ทเคป - โลโฟเตน

กำหนดการเดินทาง

วันแรก  กรุงเทพมหานคร – สตอกโฮล์ม

22.00 น.  คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เชคอิน D (แถว D) ประตูทางเข้าที่ 1- 4 อาคารผู้โดยสาร สายการบินไทยณ สนามบินสุวรรณภูมิ

(แนะนำให้ท่านจัดกระเป๋าใบเล็ก สำหรับพักค้างบนเรือ Sijaline 1 คืน กระเป๋าใบใหญ่เก็บไว้ในตู้เรือ)

วันที่สอง  สตอกโฮล์ม – พิพิธภัณฑ์เรือรบโบราณวาซาร์ – ซิตี้ฮอลล์ – ล่องเรือซิลจาไลน์

01.10 น.  ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิสู่สนามบินอาลันดา (ARN)โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG960

สายการบินบริการอาหารค่ำและอาหารเช้า บนเครื่องบิน (ใช้เวลาบินประมาณ 10.50 ช.ม.)

07.00 น.  เดินทางถึงสนามบินอาลันดาประเทศสวีเดน นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร

นำท่านชมกรุงสตอกโฮล์มซึ่งตั้งอยู่บนหมู่เกาะใหญ่น้อยโอบล้อมด้วยทะเลสาบมาลาร์ ก่อกำเนิดนครอันงามสง่าริมคลองมากมาย ผ่านชมโรงละคร ทำเนียบรัฐบาลนำท่านเข้าชมศาลากลางจังหวัด (City hall)อันมีชื่อเสียงไปทั่วโลกในการจัดงานเลี้ยงเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลท่านจะได้ ชม ห้องจัดเลี้ยง (Blue Hall) รวมทั้งห้องโถงที่ใช้ในการเต้นรำซึ่งประดับประดาไปด้วยโมเสคทองคำกว่า 18 ล้านชิ้น ศาลาว่าการแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 12 ปี ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังชาวสวีเดน Ragnar Ostberg สร้างด้วยอิฐแดงกว่า 8 ล้านก้อนและมุงหลังคาด้วยหินโมเสค สร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 1911 นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์เรือรบโบราณวาซาร์ ซึ่งได้รับการกู้ขึ้นมาหลังจากจมอยู่ในน้ำเป็นเวลา 333 ปี ท่านจะได้ชมสิ่งของเครื่องใช้ภายในเรือ ตลอดจนเรือวาซาร์ที่แท้จริงเกือบสมบูรณ์แบบเหมือนเมื่อสมัย ค.ศ.1625 ที่พระเจ้ากุสตาฟอดอลฟุสที่ 2 ดำริให้สร้างเรือรบนี้ขึ้นมาเพื่อขยายอำนาจทางการทหารทั่วยุโรป

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน

บ่าย  นำท่านขึ้นจุดชมวิวบนเนินเขา Fjallgatan เพื่อบันทึกภาพของกรุงสตอกโฮล์มจากมุมที่สวยที่สุด เมืองที่ได้รับสมญานามว่า “เวนิสแห่งยุโรปเหนือ” และยังได้รับการคัดเลือกให้เป็น “นครหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรป” อิสระให้ท่านได้ชมวิวสวยของตัวเมืองที่ตั้งและโอบล้อมไปด้วยเกาะใหญ่ 14 เกาะ แล้วย้อนอดีตโดยชมย่านเมืองเก่าที่มีอายุมากกว่า 700 ปี “กามลา สตาน” (Gamla Stan) ที่มีการตั้งบ้านเรือนบนเกาะนี้ตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 13 และมีการรักษาสภาพไว้ได้อย่างดีเยี่ยม นำท่านเที่ยวชมภายในเมืองเก่าโอลด์ซิตี้ ท่านจะได้สัมผัสกับหมู่อาคารหลากสีมากมายที่เรียงรายรอนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาเก็บภาพความน่าประทับใจ จากนั้นนำท่าน ผ่านชมพระบรมมหาราชวังบนเกาะสตาเดน ชมวังหลวงอันโอ่โถงงาม สง่าด้วยสถาปัตยกรรมสมัยเรเนซองส์ ปัจจุบันเป็นที่เลี้ยงรับรองผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบล

15.00 น.  นำท่านเดินทางสู่ท่าเทียบเรือสตอกโฮล์ม เพื่อเชคอินลงเรือสำราญ Silja Line

16.45 น.  เรือสำราญออกจากท่าเทียบเรือสตอกโฮล์ม (ประเทศสวีเดน) มุ่งสู่ท่าเทียบเรือ เฮลซิงกิ (ประเทศฟินแลนด์)   

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ภายในเรือสำราญ

อิสระให้ท่านพักผ่อน ภายในเรือสำราญ Silja Line (ห้องพักแบบ OUTSIDE CABIN- SEA VIEW)

วันที่สาม  เฮลซิงกิ

เช้า  รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ

09.55 น.  เรือสำราญจอดเทียบท่า ณ ท่าเรือเฮลซิงกิ

นำท่านเชคเอาท์จากเรือสำราญ

นำท่านเที่ยวชม เซเนท สแควร์ (Senate Square) เป็นจตุรัสกลางเมืองที่ใช้จัดกิจกรรมใหญ่ๆ และเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเฮลซิงกิ โดยใจกลางจตุรัสมี อนุสาวรีย์พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ที่ 2 ประดิษฐานอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่า จากนั้นนำท่านชม อนุสาวรีย์ซิเบลิอุส (Sibelius Monument) อนุสาวรีย์แห่งนี้ตั้งอยู่ใน Sibelius Park ถูกสร้างขึ้นเพื่อสดุดีให้แก่นักประพันธ์เพลงคลาสสิกชื่อดังของโลกชาวฟินแลนด์นามว่า Jean Sibelius (1865-1957) ผู้แต่งเพลงฟินแลนเดีย เพลงปลุกใจชาวฟินน์ให้ลุกขึ้นมาเรียกร้องเอกราชจากรัสเซีย ลักษณะเป็นอนุสาวรีย์ที่แปลกตามากๆออกแบบโดย Eila Hiltunen เป็นการสร้างโดยนำเอาแท่งเหล็กจำนวน 600 แท่ง มาเชื่อมเข้าด้วยกันจนออกมาเป็นรูปร่างของออร์แกนลม ที่มีความสูง 85 ม. กว้าง 10.5 ม. ลึก 6.5 ม. และหนัก 24 ตันตั้งอยู่กลางแจ้งอย่างโดดเด่น จากนั้นนำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเซอูราซาอารี (Seurasaari Open Air Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่จัดแสดงบ้านเรือนในแต่ละภูมิภาคของประเทศฟินแลนด์ ตลอดจนจำลองสถานที่สำคัญๆทางประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของชาวฟินแลนด์ ให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามและบ้านเรือนอันแปลกตาของชาวแลปแลนด์ที่สามารถชมได้จากสถานที่แห่งนี้

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านถ่ายรูปมหาวิหารเฮลซิงกิ (Helsinki Cathedral) ซึ่งในอดีตเรียกว่าโบสถ์นิโคลัส เป็นมหาวิหารสีขาวบริสุทธิ์สวยงาม ตั้งเด่นตระหง่านอยู่จนเรียกว่าเป็นจุดแลนด์มาร์กของเฮลซิงกิก็ว่าได้ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันอย่างเป็นจำนวนมาก จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารอุสเปนสกี้ (Uspenski Church) เป็นมหาวิหารของศาสนาคริสต์นิกายออร์ธอดอกซ์ สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1862 – ค.ศ. 1868 ออกแบบก่อสร้างโดย Aleksei Gornostajev สำหรับมหาวิหารแห่งนี้ถือว่าเป็นเครื่องแสดงถึงความสัมพันธ์ของฟินแลนด์กับรัสเซีย ที่เคยปกครองฟินแลนด์อยู่ถึง 108 ปี จากนั้นนำท่านชมโบสถ์เทมเปลิโอคิโอ" (Temppeliaukio Church) หรือที่รู้จักกันในนาม "โบสถ์หิน" (Rock Church) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ "โบสถ์แห่งความรัก" ถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2511 แล้วเสร็จวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของปีถัดไป และมีความเชื่อว่าหากใครก็ตามมาจุดเทียนอธิษฐานเรื่องเกี่ยวกับความรักในโบสถ์นี้ก็จะสมหวังในสิ่งที่อธิษฐานทุกประการ จึงทำให้มีผู้คนจำนวนมากเดินทางมาจัดพิธีแต่งงานที่นี่ เพราะว่ากันว่าคู่รักที่มาจัดพิธีแต่งงานที่โบสถ์แห่งนี้จะครองรักกันยืนยาว นำท่านสู่ห้างสรรพสินค้าฟอรั่ม (ForumShopping Center) ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของเมืองเฮลซิงกิ ซึ่งมีร้านค้ากว่า 120 ร้าน ให้ท่านได้เลือกซื้อของฝาก

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย

19.00 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบินเฮลซิงกิ

21.35 น.  ออกเดินทางจากสนามบินเฮลซิงกิ สู่ สนามบินโรวาเนียมิ โดยเที่ยวบิน AY537 (ใช้เวลาบินประมาณ 1.15 ชั่วโมง)

22.50 น.  เดินทางถึงสนามบินโรวาเนียมิ

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Scandic Pohjanhovi Hotel **** หรือเทียบเท่า

วันที่สี่  หมู่บ้านซานตาคลอส –  ฟาร์มกวางเรนเดียร์ – อิวาโล

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านซานตาคลอส (Santa Claus Village) ดินแดนในฝันของนักท่องเที่ยวทั่วโลก นำท่านถ่ายรูปกับ เส้นอาร์คติกเซอร์เคิล (Arctic Circle) เส้นแบ่งเขตแดนตามเส้นรุ้งและเส้นแวงเพื่อกำหนดขอบเขตของบริเวณซีกโลกเหนือ โดยเส้นอาร์คติกเซอร์เคิลจะอยู่ที่  66 องศา 33 ลิปดา 44 ฟิลิปดาเหนือ เป็นตัวบ่งบอกจุดเหนือสุดที่ในเวลา 1 ปี คนที่อยู่แถบนี้ มีโอกาสไม่พบกับพระอาทิตย์ขึ้นเลยอย่างน้อย 24 ชั่วโมง หรือพระอาทิตย์ไม่ตกเลยเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง นำท่านแวะชม ซานตาคลอสออฟฟิศ (Santa Claus Office) หรือที่ทำการของซานตาคลอส ภายในตกแต่งด้วยสีสันสดใสมากมาย พร้อมทั้งให้ท่านได้พบกับลุงซานต้าคลอสตัวโตในชุดคริสต์มาสสีแดงที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่านด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม นำท่านแวะชม ที่ทำการไปรษณีย์ซานตาคลอส (Santa Claus Main post office) ท่านสามารถเลือกซื้อไปรษณียบัตรหลากหลายสีสันเพื่อเขียนอวยพรครอบครัวและมิตรสหาย พร้อมทั้งฝากซานต้าคลอสส่งกลับมายังประเทศไทยได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์นี้ อิสระให้ท่านเดินเล่นถ่ายรูปในบริเวณหมู่บ้านซานตาคลอสที่ประดับประดาด้วยธีมคริสต์มาสอันสวยงามตามอัธยาศัย หรือจะเลือกซื้อของฝาก ของที่ระลึก ภายในหมู่บ้านซานตาครอสแห่งนี้

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านเดินทางสู่ ฟาร์มกวางเรนเดียร์ (Reindeer Farm) หรือฟาร์มกวางคารีบู ให้ท่านได้สัมผัสกับความน่ารักของกวางเรนเดียร์ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่  โดยตัวผู้มีขนาดใหญ่ ขนาดโตเต็มที่มีน้ำหนักกว่า 300 กิโลกรัม และสูงประมาณ 214 เซนติเมตร ขนตามลำตัวยามปกติจะมีสีน้ำตาล แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ขนจะเปลี่ยนไปเป็นสีอ่อนขึ้น หรือสีขาว ชาวแลปแลนด์นิยมเลี้ยงไว้เพื่อใช้งานสำหรับรถลากเลื่อน อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปกับกวางเรนเดียร์แห่งแลปแลนด์อย่างใกล้ชิด ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองซาลิเซก้า (Saariselka) เมืองท่องเที่ยวตั้งอยู่ทางตอนเหนือของฟินแลนด์มีชื่อเสียงอย่างมาก ทางด้านที่พักและรีสอร์ท (ระยะทาง 260 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) เมืองที่ตั้งในเขตการปกครองอินารี (Inari) ในเขตแลปแลนด์ ของประเทศฟินแลนด์ เป็นเมืองสกีรีสอร์ท และ ยังเป็นเมืองหน้าด่านประตูที่มุ่งสู่นอร์ธเคป หากเดินทางมาจากฝั่งฟินแลนด์ ในอดีตเมืองนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสงครามแลปแลนด์ (Lapland war) ในช่วงระหว่างปี 1944-1945 ซึ่งถูกรุกรานโดยกองทัพเยอรมัน อย่างไรก็ตามหลังสงครามเมืองอิวาโล ได้ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่กลายเป็นเมืองที่มีความสวยงามเหมือนในปัจจุบัน

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Ivalo Hotel ****หรือเทียบเท่า

วันที่ห้า  อิวาโล (ฟินแลนด์) – ลักเซล – ออนนิงสแวก – นอร์ธเคป (ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน)

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านออกเดินทางสู่เมืองลักเซล (Lakselv) ระยะทาง 229 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.45Nor ชม.  เมืองทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ เรียกได้ว่าใกล้เขตกรีนแลนด์มาก เป็นเมืองเล็กๆ น่ารัก ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนหนึ่งของเขตแลปแลนด์ เรียกได้ว่าเป็นผืนแผ่นดินของนอร์เวย์ที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากอีกแห่งหนึ่ง ท่านจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพของเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของอาณาเขตแลปแลนด์ นำท่านเที่ยวชมเมืองลักเซล เมืองเล็กๆที่เป็นจุดผ่านขึ้นสู่นอร์ธเคป

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านเดินทางสู่ เมืองฮอนนิงสแวก (Honningsvag) ระยะทาง 163 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.   ดินแดนที่อยู่ทางเหนือสุดของโลก โดยอยู่ทางภาคเหนือของประเทศนอร์เวย์ เป็นแคว้นกว้างใหญ่ซึ่งเป็นบริเวณแห่งทะเลน้ำแข็ง (Arctic Circle) และเป็นดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืน (Midnight Sun) ระหว่างทางท่านจะได้ชื่นชมกับธรรมชาติสองข้างทาง ป่าไม้อันงดงามตามแบบฉบับขั้วโลกเหนือ นำท่านเดินทางผ่านอุโมงค์ที่สร้างด้วยเทคโนโลยีที่ชาวนอร์เวย์ภูมิใจเมื่อปี คศ. 1999 ที่ผ่านมา ซึ่งมีความยาวประมาณ 10 กิโลเมตร ลึกลงจากพื้นทะเลกว่า 50 เมตร เมืองฮอนนิงสแวกนี้ในอดีตเป็นเมืองท่าศูนย์กลางการล่าปลาวาฬที่มีชื่อเสียงและเป็นท่าเรือในการขนถ่ายปลาทะเลที่สำคัญของนอร์เวย์ รวมทั้งยังเป็นเมืองที่มีช่วงเวลาของฤดูหนาวยาวนานที่สุด

นำท่านสัมผัสประสบการณ์จับปูยักษ์ (King Crab Safari) โดยนั่งเรือ  ตื่นตาตื่นใจกับการจับปูยักษ์ตัวเป็นๆให้ท่านได้ลองจับและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก กับกิจกรรมจับปูยักษ์ นับเป็นอีกกิจกรรมที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร พร้อมเมนู ปูยักษ์

นำท่านเดินทางสู่ที่ตั้งของ “ศูนย์นิทรรศการนอร์ธเคป” ซึ่งตั้งอยู่บนปลายแหลมนอร์ธเคป อิสระให้ท่านชมภาพถ่ายเกี่ยวกับการประพาสของรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2450 ซึ่งพระองค์ได้จารึกพระปรมาภิไธยบนก้อนหินขนาดใหญ่ ที่ปัจจุบันได้จัดแสดงไว้ให้ชาวไทยได้มีความภาคภูมิใจในพระปรีชาสามารถภายในพิพิธภัณฑ์สยาม ที่จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ประเทศไทย รับฟังและชมเรื่องราวของปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนในห้อง Auditorium ก่อนที่จะไปชมปรากฏการณ์จริงด้านนอก

0.00 น.  หากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ท่านจะได้ชมความงามของ “พระอาทิตย์ที่ส่องแสงสีทองงามจับตาใน ยามเที่ยงคืน หรือที่รู้จักในนาม “Midnight Sun” ภาพดวงอาทิตย์สะท้อนผืนน้ำในมหาสมุทรอาร์กติก ในดินแดนสุดขอบโลก พร้อมรับ“ประกาศนียบัตร” และดื่มแชมเปญฉลอง ณ จุดเหนือสุดของแผ่นดินนอร์เวย์ เป็นที่ระลึกในการที่ท่านได้เดินทางมาเยือนดินแดนอันเป็น “ที่สุด” แห่งนี้

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Scandic Nordkapp Hotel *** หรือเทียบเท่า

วันที่หก  ออนนิงสแวก – อัลตา  – ทรุมเซอ

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

อิสระให้ท่านได้พักผ่อนและเดินเล่นรอบโรงแรมได้ตามอัธยาศัย เพื่อให้ท่านได้มีเวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่    

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านออกเดินทางสู่เมืองอัลตา (Alta) ระยะทาง 207 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.15 ชั่วโมง เพื่อขึ้นเครื่องบินสู่เมืองทรุมเซอ (Tromso) เมืองอัลตา (Alta) ทางเหนือของนอร์เวย์ ห่างจาก Artic Circle ราว 375 กิโลเมตร เมืองใหญ่ที่สุดในฟินน์มาร์ก เป็นที่รู้จักกันในหมู่ชาวประมงว่ามีแหล่งน้ำที่มีปลาแซลมอนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

เมืองที่มีงานเทศกาล Finnmarksløpet ซึ่งเป็นการแข่งขันรถลากเลื่อนสุนัขชื่อดังของยุโรปที่จะจัดขึ้นในทุกๆ ปี อีกทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องการแกะสลักหิน ความงดงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรมทำให้เมืองอัลตาได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก นำท่านผ่านชมโบสถ์แห่งแสงเหนือ (Northern Lights Cathedral) โบสถ์สไตล์โมเดิร์นที่มีแสงเหนือเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ

เย็น  รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

19.00 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบินอัลตา

21.45 น.  ออกเดินทางจากสนามบินอัลตา สู่ สนามบินทรุมเซอ โดยเที่ยวบิน WF 929 ใช้เวลาบินประมาณ 40 นาที

22.25 น.  เดินทางถึงสนามบินทรุมเซอ

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Scandic Ishavshotel **** หรือเทียบเท่า

วันที่เจ็ด  ทรุมเซอ –โลโฟเตน 

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเที่ยวชมเมืองทรุมเซอ (Tromso)เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงซึ่งตั้งอยู่ในเขตมณฑลทรอม (Troms) อีกหนึ่งมณฑลทางตอนเหนือของนอร์เวย์ และทางตอนเหนือของคาบสมุทรสแกนดิเนเวียน อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตอาร์คติกเซอร์เคิลอีกด้วย นำท่านชมบริเวณย่านใจกลางเมือง ท่านสามารถชมความงดงามของเหล่าสถาปัตยกรรมที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะเหล่าอาคารบ้านไม้เก่าแก่ที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันฉูดฉาด จากนั้น นำท่านเข้าชมมหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) มหาวิหารไม้ที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง ที่ได้รับการยอมรับว่ามีความเก่าแก่ที่สุด และยังเป็นหนึ่งในโบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดของนอร์เวย์ โดยมหาวิหารสร้างขึ้นในช่วงปี 1861 ในแบบสไตล์โกธิคที่มีความงดงามมากแห่งหนึ่ง  นำท่านเข้าชมมหาวิหารอาร์คติก (Arctic Cathedral) มหาวิหารที่สร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ อีกทั้งยังมีโครงสร้างที่โดดเด่น ซึ่งได้แรงบันดาลใจในการสร้างมาจากสภาพภูมิทัศน์ในแบบภาคเหนือของนอร์เวย์  มหาวิหารอาร์คติก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในทรุมเซอ โดยมหาวิหารนี้สร้างขึ้นในปี 1965 เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจะสามารถชมความงดงามของพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้อย่างชัดเจน นำท่านสัมผัสกับประสบการณ์การนั่งเคเบิ้ลคาร์สู่ยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) ยอดเขาที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองทรุมเซอได้อย่างชัดเจน อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความงามเมืองทรุมเซอจากมุมสูง หากมีเวลาให้ท่านได้เดินเล่นและเลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน

บ่าย  นำท่านนั่งเรือเฟอร์รี่ ผ่านฟยอร์ดต่างๆมากมาย ให้ท่านสัมผัสกับธรรมชาติอันแสนพิสุทธิ์ของประเทศนอร์เวย์ อิสระให้ท่านได้เก็บภาพระหว่างการนั่งเรือเฟอร์รี่ สู่หมู่เกาะโลโฟเตน นำท่านเดินทางสู่เมืองสโลเวอร์ (Svolvaer) (ระยะทาง 160 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.15 ชั่วโมง) เมืองในเขตนอร์ดแลนด์ (Nordland) ของประเทศนอร์เวย์และเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเกาะโลโฟเตน เกาะที่มีชื่อเสียงเรื่องทัศนียภาพที่สวยงามยิ่งของประเทศนอร์เวย์ ระหว่างการเดินทางสู่เมืองสโลเวอร์ท่านจะได้ชมและสัมผัสกับธรรมชาติสองข้างทางที่สวยงามและแปลกตายิ่งแห่งเกาะโลโฟเตน อีกทั้งโลโฟเตนยังได้ชื่อว่าเป็นเกาะที่สามารถชมแสงเหนือและถ่ายภาพได้สวยงามอีกแห่ง อันเป็นผลจากการที่มีเทือกเขาล้อมรอบและมีหมู่บ้านชาวประมง ริมหาดเป็นช่วงๆ ช่วงฤดูร้อนบนเกาะโลโฟเตนได้ชื่อว่า “สวรรค์บนดิน” ของนักท่องเที่ยว และในช่วงหน้าหนาว

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Scandic Svolvaer Hotel/ Thon Hotel Lofoten **** หรือเทียบเท่า

วันที่แปด  เกาะโลโฟเตน – เลคเนส – พิพิธภัณฑ์ไวกิ้ง – รีนน์ – นัสฟยอร์ด – แฮมนอยด์

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่เมืองเลคเนส (Leknes) เมืองเล็กๆน่ารักอีกเมืองบนเกาะโลโฟเตน นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ไวกิ้ง (Viking Museum) ซึ่งจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของชาวไวกิ้งในอดีตที่ย้ายถิ่นฐานมาปักหลัง ณ ผืนแผ่นดินนอร์เวย์ในปัจจุบัน ท่านจะได้ชมข้าวของเครื่องใช้ ตลอดจนการแต่งกายของชาวไวกิ้งในอดีต นำท่านเดินทางสู่เมืองนัสฟยอร์ด (Nusfjord)อีกหนึ่งเมืองเล็กๆน่ารักๆแห่งเกาะโลโฟเตน ท่านจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพอันแปลกตา ภูเขาสลับแม่น้ำ และทะเลสาบที่สะท้อนภาพเทือกเขาบนผืนน้ำ ระหว่างการเดินทางสู่เมืองนัสฟยอร์ด นำท่านเที่ยวชมหมู่บ้านชาวประมง (Fisherman Village) ที่ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดียิ่งอีกแห่งของนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้มีการรังสรรค์หมู่บ้านหลากสีสัน ทั้งแดง เหลือง เขียว และยังคงอนุรักษ์บ้านเมืองเก่าไว้อย่างดียิ่ง อิสระให้ท่านได้เก็บภาพตามอัธยาศัย หรือจะนั่งเล่นชิลล์ๆ จิบกาแฟ ชื่นชมกับธรรมชาติของเมืองนี้ นอกจากนี้เมืองนัสฟยอร์ดยังได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นเมืองมรดกโลกอีกด้วย

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารไทย

บ่าย  นำท่านเดินทางสู่เมืองรีนน์ (Reine) (ระยะทาง 41 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที) นำท่านเที่ยวชมหมู่บ้านแฮมนอยด์ (Hamnoy) หมู่บ้านชาวประมงที่ปรากฏอยู่ในโปสการ์ดโลโฟเตน ที่นักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นได้บ่อยตามร้านขายของที่ระลึกต่างๆ ภาพหมู่บ้านชาวประมงหลากสี พร้อมวิวของเทือกเขาสูงเป็นฉากหลังนับเป็นอีกหนึ่งทัศนียภาพที่สวยงามยิ่ง อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของหมู่บ้านแฮมนอยด์ตามอัธยาศัย ได้เวลานำท่านสู่เมืองรีนน์ นำท่านเที่ยวชมความน่ารักของเมืองเล็กๆอีกแห่งที่มีมนต์เสน่ห์ทางธรรมชาติ อันสวยงามแห่งเกาะโลโฟเตน จากนั้นนำท่านเดินทางสู่จุดปลายสุดของเกาะโลโฟเตน กับการแวะถ่ายรูปหมู่บ้าน A ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ปลายเกาะโลโฟเตน

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น           

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก  Eliassen Rorbuer Hotel/Reine Rorbuer Hotel  หรือเทียบเท่า

หมายเหตุ:  โรงแรมที่พักในเมืองรีนน์ หลายแห่งเป็นโรงแรมในลักษณะบ้านพักตากอากาศ แบบหมู่บ้านชาวประมง ดังนั้นในบ้าน 1 หลังจะมี 2 ห้องนอนและใช้ห้องน้ำเดียวกัน              

วันที่เก้า  รีนน์ – โบโด

เช้า  รับประทานอาหารเช้าแบบ Breakfast Box

06.00 น.  นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือมอสคิเนส (Moskenes) เพื่อนั่งเรือเฟอร์รี่สู่เมืองโบโด

07.00 น.  เรือเฟอร์รี่ออกเดินทางจากท่าเรือเมืองมอสคิเนส มุ่งหน้าสู่เมืองโบโด

ให้ท่านได้อิสระเต็มที่กับการเก็บภาพบรรยากาศของธรรมชาติฟยอร์ดแห่งนอร์เวย์ในระหว่างการล่องเรือสู่เมืองโบโด ฟยอร์ดแห่งเกาะโลโฟเตน เรียกได้ว่าเป็นเมืองฟยอร์ดที่สวยงามไม่แพ้ ฟยอร์ดแห่งแผ่นดินใหญ่ของนอร์เวย์ หากโชคดีท่านอาจได้เห็นปลาโลมาว่ายน้ำเล่นตามเรือเฟอร์รี่ก็เป็นได้

10.15 น.  เรือเฟอร์รี่จอดเทียบท่า ณ เมืองโบโด        

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน

บ่าย  นำท่านเที่ยวชมเมืองโบโด (Bodo) เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางด้านการท่องเที่ยว อีกทั้งยังเป็นเมืองอยู่ทางตอนเหนือของอาร์กติกเซอร์เคิล มีขนาดใหญ่ที่สุดในเขตนอร์ดแลนด์ (Nordland) และเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภาคเหนือของประเทศนอร์เวย์ นำท่านเข้าชมมหาวิหารประจำเมืองโบโด (Bodo Cathedral หรือ Bodo Domkirke) สร้างขึ้นในช่วง ปี 1956 เป็นมหาวิหารที่ค่อนข้างมีความทันสมัย และมีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองโบโด โดยสิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดก็คงจะเป็นหอระฆังที่มีความสูงถึง 36 เมตร และการประดับประดาหน้าต่างที่สวยงาม อิสระให้ท่านได้เก็บภาพและเดินเที่ยวภายในเมืองโบโด

14.00 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบินเพื่อเชคอิน

16.55 น.  ออกเดินทางจากสนามบินโบโด สู่สนามบินทรอนด์เฮม โดยเที่ยวบิน …..

18.00 น.  เดินทางถึงสนามบินทรอนด์เฮม นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น              

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก  Quality Hotel Augustin Trondheim**** หรือเทียบเท่า

วันที่สิบ  ทรอนด์เฮม – แอตแลนติกโอเชียนโร้ด

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเที่ยวชมเมืองทรอนด์เฮม (Trondheim) เมืองสวยอีกแห่งของประเทศนอร์เวย์ เป็นเมืองที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ยุคไวกิ้ง ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศนอร์เวย์ บ้านเรือนสองฝั่งสร้างขึ้นในแบบนอร์วีเจียนที่เน้นสีสันโดดเด่นสวยงาม สร้างขึ้นเรียงรายสองฝั่งริมแม่น้ำไนเดลวา (Nidelva) นับเป็นอีกทัศนียภาพที่สวยงามไม่แพ้เมืองเบอร์เก้น นำท่านเที่ยวชมความน่ารักและความสวยงามของเมืองนี้ นำท่านแวะถ่ายรูปกับโบสถ์นิดาโรส (Nidaros Cathedral) ซึ่งเป็นโบสถ์เก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งเมืองนี้ อิสระให้ท่านได้เดินเล่นเก็บภาพความสวยงามของเมืองนี้ตามอัธยาศัย สมควรแก่เวลานำท่านขึ้นเรือเฟอร์รี่ เพื่อเดินทางสู่เมืองคาร์เนสทรัม (Kanestraum) เพื่อชมทัศนียภาพของเส้นทาง แอตแลนติกโอเชียนโร้ด

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านเดินทางสู่เมืองคริสเตียนซุนด์ (Kristiansund) ระหว่างทางท่านจะได้ชมความสวยงามของถนนเรียบทะเลหรือที่รู้จักในนามแอตแลนติกโร้ด (Atlantic Ocean Road) มีความยาวทั้งสิ้น 8.3 กิโลเมตรสร้างทอดยาวไปตามเกาะแก่งต่างๆ ของนอร์เวย์  บนเส้นทางที่สูงชันสลับคดเคี้ยว และมีจุด Storseisundet  คือจุดที่สูงและสวยที่สุด เป็นสะพานที่มีเส้นโค้งอย่างน่าทึ่งและสวยงาม ซึ่งใช้เทคนิคในการออกแบบและการก่อสร้างสะพานที่น่าประทับใจมาก ให้ท่านได้ชื่นชมความสวยงามของเส้นทางแอตแลนติกโอเชียนโร้ด ที่ได้ชื่อเป็นเส้นทางที่สวยที่สุด

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม               

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก  Thon Hotel Kristiansund**** หรือเทียบเท่า

วันที่สิบเอ็ด  ออสโล

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

06.00 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบินคริสเตียนซุนด์

08.40 น.  ออกเดินทางจากสนามบินคริสเตียนซุนด์ สู่ สนามบินออสโล

09.30 น.  เดินทางถึงสนามบินออสโล

นำท่านเดินทางชมเมืองออสโล (Oslo) หรือกรุงคริสเตียนเนียในอดีต นครหลวงที่ถูกสถาปนาขึ้นเมื่อประมาณ 60 ปี แต่เบื้องหลังแห่งความศิวิลัยนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ย้อนหลังกว่า 900 ปี ในอดีตออสโลจัดเป็นเมืองอาณานิคมใหญ่ของจักรพรรดิไวกิ้งโบราณซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของพระจ้าฮาโรว์แฟร์แอร์โดยใช้ระบบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์  นำท่านผ่านชมและแวะถ่ายรูปกับอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ที่เรียงรายอยู่รอบเมืองออสโล อาทิ ปราสาท Akurshusงานสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ในยุคเรอเนสซองส์ สร้างในปี ค.ศ. 1648, ทำเนียบรัฐบาล, เนชั่นแนลเธียเตอร์, อาคารรัฐสภา และศาลาเทศบาลเมืองเก่าซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองออสโล นำท่านแวะถ่ายรูปที่ออสโลโอเปร่าเฮาส์ (Oslo Opera House)ที่มีหน้าตาภายนอกคล้ายกับภูเขาน้ำแข็ง หลังคาทำเป็นทางลาด มีลักษณะเหมือนแผ่นน้ำแข็ง ใช้วัสดุหินแกรนิตสีขาว ที่จะกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมในช่วงหน้าหนาว ของออสโลฟยอร์ดตอนใน อันเป็นที่ตั้งของโอเปร่าเฮาส์ ที่มีหิมะและแผ่นน้ำแข็งปกคลุม ที่สำคัญคือ หลังคาที่เป็นทางลาดและทางเชื่อมลาดต่อลงไปยังทะเลในอ่าวนั้น สามารถใช้เป็นพื้นที่สาธารณะให้กับชาวเมืองและนักท่องเที่ยว ได้เดินปีนขึ้นไปชมวิวมุมสูงของออสโล มองเห็นวิวฟยอร์ดโล่งๆ หรือจะไปพักผ่อนหย่อนใจ นั่งปิกนิก รับแดดรับลม ออกกำลังกาย นัดเจอเพื่อน นัดเจอแฟน ใช้เป็นลานโล่ง ฯลฯ เรียกได้ว่าสถาปัตยกรรมภายนอกนั้น ถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นพื้นที่ของทุกคน ชื่นชมกับทัศนียภาพอันงดงาม นำท่านถ่ายรูปพระราชวังหลวงแห่งออสโล (Royal Palace)พระราชวังแบบนีโอคลาสสิก สร้างขึ้นในปี 1848 และเปิดให้บริการนำเที่ยวชมพระราชวังแก่สาธารณชนในช่วงฤดูร้อน บริเวณจัตุรัสด้านหน้าของพระราชวังมีอนุสาวรีย์ของกษัตริย์คาร์ล โจฮาน ซึ่งเป็นกษัตริย์ของสวีเดนและนอร์เวย์ในปี 1818 ถึง 1844 ยืนเด่นเป็นสัญลักษณ์ นำท่านเข้าชมความงามของห้องต่างๆภายในพระราชวังแห่งนี้

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารไทย

บ่าย  นำท่านเดินทางสู่ถนนคาร์ส โจฮัน (Karl Johans) ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งของเมืองออสโล มีร้านค้าต่างๆ ที่สร้างมาไม่ต่ำกว่า 100 ปี บนถนนเส้นนี้ยังเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ PALEET SHOPPING CENTER อิสระให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการซื้อของฝากตามอัธยาศัย หรือจะเดินเล่นภายในเมือง พร้อมเก็บภาพตึกเก่า และ สวนสาธารณะที่มีการจัดวางผังเมืองได้อย่างน่าสนใจ

15.00 น.  นำท่านเดินทางสู่ท่าเทียบเรือออสโล เพื่อเชคอินลงเรือสำราญ DFDS

17.00 น.  เรือสำราญออกจากท่าเทียบเรือออสโล (ประเทศนอร์เวย์) มุ่งสู่ท่าเทียบเรือ โคเปนเฮเกน (ประเทศเดนมาร์ก)   

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ภายในเรือสำราญ

อิสระให้ท่านพักผ่อน ภายในเรือสำราญ DFDS (ห้องพักแบบ OUTSIDE CABIN- SEA VIEW)

วันที่สิบสอง  โคเปนเฮเก้น

เช้า  รับประทานอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ ภายในเรือ

09.55 น.  เรือเทียบท่า ณ ท่าเทียบเรือ โคเปนเฮเกน (ประเทศเดนมาร์ก)

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเฮลซิงกอร์ (Helsingor) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลระหว่างช่องแคบของเดนมาร์ก-สวีเดน นำท่านเข้าชมปราสาทเฟรเดอริคส์บอร์ก (Frederiksborg Castle) ปราสาทที่งดงามในรูปแบบของสถาปัตยกรรมแบบเรอเนซองส์ สร้างขึ้นโดย พระเจ้าเฟรดเดอริกที่ 2 นอกจากนี้ยังเป็นที่ประทับของกษัตริย์คริสเตียน ในราวศตวรรษที่ 17 ในอดีตพระราชวังแห่งนี้ใช้เป็นที่ประกอบพิธีสำคัญทางศาสนาและพิธีสำคัญอื่นๆ ของพระมหากษัตริย์อย่างเช่น พิธีปราบดาภิเษก และยังเป็นสถานที่เก็บของสะสม ตลอดจนผลงานศิลปะของเชื้อพระวงศ์ ภายในตกแต่งด้วยความวิจิตรอ่อนช้อยอร่ามตาด้วยสีทองตามแบบฉบับเรอเนซองส์ และมีห้องจัดแสดงกว่า 70 ห้องที่เปิดให้เข้าชม บนเพดานเกือบทั้งพระราชวังเป็นงานจิตรกรรมของจิตรกรที่มีชื่อเสียง อันแสดงถึงเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ บริเวณโดยรอบพระราชวังมีการตกแต่งสวนอันเขียวชอุ่มในแบบบาโรก 

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านเข้าชมปราสาทโครนบอร์ก (Kornborg Castle)  ปราสาทแห่งนี้สร้างมาเกือบ 500 ปี เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวยุโรปจากบทละครแฮมเล็ต วรรณกรรมชิ้นเอกของวิลเลียม เชคสเปียร์ ปราสาทโครนบอร์กเป็นผลงานชิ้นสำคัญของปราสาทในสถาปัตยกรรมเรอเนซองส์ ทางตอนเหนือของยุโรป ซึ่งทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 2000ได้เวลานำท่านสู่ถนนสตรอยเกต (Strøget) แหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของโคเปนเฮเกนและอยู่ใจกลางเมือง เป็นถนนคนเดินยาวที่สุดในโลกที่มีความคับคั่งของร้านค้า ตั้งแต่สินค้าราคาถูกและสินค้าแบรนด์เนมที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ถนนคนเดินนี้มีความยาวถึง 1.1 กิโลเมตรที่ยื่นจากศาลาว่าการเมืองไปยังถนน Kongens Nytorv Strøget จึงถูกตั้งเป็นชื่อเล่นของถนนคนเดินดังกล่าวตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมาและครอบคลุม ถนน 4 สายด้วยกันคือ Frederiksberggade, Nygade, Vimmelskaftet และ Østergade อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าตามอัธยาศัย

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Scandic CPH Strandpark Hotel**** หรือเทียบเท่า

วันที่สิบสาม  โคเปนเฮเก้น

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านชมกรุงโคเปนเฮเก้น เมืองหลวงของเดนมาร์ก อีกเมืองสวยแห่งประเทศในกลุ่มนอร์ดิก โคเปนเฮเกนเป็นทั้งเมืองหลวงและเมืองชายฝั่งทะเลที่ตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันออกของเกาะซีแลนด์ เรียกได้ว่าเป็นอีกเมืองที่มีความโรแมนติกและมีกลิ่นอายของเทพนิยายรักและนิทานปรัมปรามากมาย นำท่านชม เงือกน้อย หรือ ลิตเติ้ลเมอร์เมด (Little mermaid)    รูปปั้นทองแดงของเจ้าหญิงเงือกน้อยบนโขดหิน ตัวละครที่มาจากนิทานอันโด่งดังของนักประพันธ์ชาวเดนิช ฮันส์ คริสเตียน  แอนเดอร์สัน รูปปั้นเงือกน้อยนี้เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโคเปนเฮเกน ซึ่งเป็นผลงานของ Edv. Eiriksen สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานถึงจินตนาการของแอนเดอร์สัน และเป็นนิทานอีกเรื่องที่หลายๆท่านคงเคยได้ฟัง แม้กระทั่งดิสนีย์ยังเคยนำเรื่องนี้มาทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูน จากนั้นนำท่านชม น้ำพุแห่งราชินีเกฟิออน (The Gefion Fountain) ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1908 ชื่อ Gefion นี้คือชื่อของเทพเจ้าในตำนานของชาวสแกนดิเนเวียน ได้เวลานำท่านแวะชมภายนอกพระราชวังอมาเรียนบอร์ก (Amalienborg)เป็นพระราชวังที่พระราชินีมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งราชวงศ์เดนมาร์กประทับอยู่ และเป็นที่ประทับของราชวงศ์เดนมาร์กมาตั้งแต่ค.ศ. 1794 เป็นสถาปัตยกรรมแบบร็อคโคโค บริเวณกลางลานมีพระรูปทรงม้าของพระเจ้าเฟรดเดอริกที่ 4นอกจากนี้เริ่มตั้งแต่เวลา 11.30 น. ทหารหลวงจะเดินสวนสนามจากพระราชวังโรเซ่นบอร์ก (Rosenborg) และเคลื่อนขบวนมาเปลี่ยนเวรเฝ้ายามที่หน้าพระราชวังอมาเรียนบอร์กในทุกวัน

11.00 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบินโคเปนเฮเก้น เพื่อเชคอินและทำ Tax Refund

14.25 น.  ออกเดินทางสู่กรุงเทพมหานคร โดยเที่ยวบิน TG951 (บินตรง) ใช้เวลาบินประมาณ 10.35 ชั่วโมง

สายการบินบริการ อาหารค่ำ และ อาหารเช้าระหว่างเที่ยวบิน

วันที่สิบสี่  กรุงเทพมหานคร

06.00 น.  เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE)

 

*****Travel Around the World by Chic Journey*****

หมายเหตุ : โปรแกรมการเดินทางอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม เนื่องจากสภาพ ลม ฟ้า อากาศ การจราจร และสถานการณ์ในต่างประเทศที่ทางคณะเดินทาง

อัตราค่าบริการ  (บาท) ปี 2565

ก.ค.-ส.ค. 2567

ราคาผู้ใหญ่พักห้องคู่หรือ เด็ก 1 ท่านพักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน

279,900

พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ

32,000

เด็กอายุ 2-11 ปี (เสริมเตียง – พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน)

269,900

ชั้นธุรกิจเพิ่มเงินจากราคาทัวร์(TG)เริ่มต้นที่ท่านละ

(ราคาสามารถยืนยันได้ก็ต่อเมื่อที่นั่ง confirm เท่านั้น)

110,000-160,000

ไม่เอาตั๋วเครื่องบิน (TG: BKK-ARN//CPH-BKK) หักคืนท่านละ

30,000

วีซ่าเชงเก้น หากมีแล้วหักคืนท่านละ

4,000

 **ราคาอาจมีการปรับขึ้น – ลง ตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นลง แต่จะปรับตามความเป็นจริง ที่สายการบินประกาศปรับ และที่มีเอกสารยืนยันเท่านั้น
(คิด ณ วันที่ 25/3/2024) **

Visitors: 151,807