ทัวร์อียิปต์ แบบเจาะลึก GRAND EGYPT 10วัน 7คืน เดินทาง พฤศจิกายน 2566 | สายการบิน Emirates (EK)
รหัสสินค้า : CJN-C002-GRAND EGYPT 10D7N/EK
ราคา |
110,000.00 ฿ |
จำนวนที่จะซื้อ | |
ราคารวม | 110,000.00 ฿ |
สินค้าไม่เพียงพอ
สินค้าหมด
โปรแกรม : GRAND EGYPT เจาะลึก 10วัน 7คืน
ราคา : 110,000.-บาท ***(รวมค่าวีซ่า และทิป)
โดยสายการบิน : Emirates (EK)
•มหาปิรามิดแห่งกิซ่า •ขี่อูฐ กลางทะเลทราย •ชมสฟิงซ์ •ชมหลุมฝังศพใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย •ชมวิหารฟินเลย์ •ล่องเรือเฟลุคกะ •ชมวิหารใหญ่แห่งฟาโรห์ฟาโรห์รามเสสที่ 2 •ชมหุบเขากษัตริย์ •ชมสุเหร่าแห่งโมฮัมหมัดอาลี •ชมมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์อาบูซิมเบล •พิพิธภัณฑ์อียิปต์ •ตลาดข่านเอลคาลีลี
*** นอนเรือล่องแม่น้ำไนล์ระดับ 5 ดาว 3คืน
*** บินภายใน 2 ขา
เดินทาง : 13-22, 20-29 พศจิกายน 2566
หมายเหตุ กรุณาเชคที่นั่งว่างก่อนทำการจอง
GRAND EGYPT เจาะลึก 10วัน 7คืน
ไคโร–อเล็กซานเดรีย–อัสวาน–อาบูซิมเบล–เอสฟู่–เอสน่า–ลุกซอร์-คาร์นัค–ไคโร บินภายใน 2 ขา–นอนเรือล่องแม่น้ำไนล์ระดับ 5 ดาว 3คืน
โปรแกรมการเดินทาง
วันที่หนึ่ง กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ)
22.00 น. คณะพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 10 บริเวณลานจุดนัดพบเจ้าหน้าที่บริษัทคอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก ในเรื่องเอกสารต่างๆจากนั้นนำท่านไปยัง เคาร์เตอร์ สายการบินเอมิเรสต์ (EK)เพื่อทำการเช็กอิน และโหลดกระเป๋าสัมภาระ(กระเป๋าจะทำการเช็คทรูจากสนามบินสุวรรณภูมิ จนถึงสนามบินไคโร ประเทศอียิปต์ น้ำหนักกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องสูงสุดท่านละ 1 ใบ ไม่เกิน 30กก. และกระเป๋าถือขึ้นเครื่องได้อีกท่านละ 1 ใบ ไม่เกิน 7กก.)
วันที่สอง สนามบินสุวรรณภูมิ – สนามบินดูไบ – สนามบินไคโร – ชมหาปิรามิดแห่งกีซ่า - ขี่อูฐกลางทะเลทราย – ชมสฟิงซ์ – ศูนย์กลางการทำกระดาษปาปีรุส – โรงงานผลิตหัวน้ำหอม
02:00 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินดูไบโดยสายการบิน เอมิเรสต์เที่ยวบินที่ EK385ใช้เวลาบินประมาณ 7 ชั่วโมง (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
06:00 น. เดินทางถึง สนามบินดูไบประเทศอาหรับเอมิเสต์เปลี่ยนเครื่องบินเพื่อเดินทางสู่กรุงไคโร
08:10 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินไคโร โดยสายการบิน เอมิเรสต์เที่ยวบินที่EK927ใช้เวลาบินประมาณ 4ชั่วโมง 15 นาที(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
10:25 น. เดินทางถึง สนามบินไคโรเมืองหลวงของประเทศอียิปต์ เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับและดูแลในการผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าและการตรวจสัมภาระของศุลกากร นำทุกท่านขึ้นรอบัสเพื่อเดินทางเข้าสู่ กรุงไคโร
เที่ยง รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ เมืองกีซ่า เพื่อ เข้าชมมหาปิรามิดแห่งกิซ่า (The Great Pyramid of Giza) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ตั้งของมหาปิรามิด 3 องค์ ซึ่งองค์ฟาโรห์แห่งอียิปต์โบราณสร้างขึ้นเพื่อฝังพระศพของพระองค์เอง นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของโลก ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้นกว่า 30 ปี สร้างจากแท่งหินขนาดใหญ่แต่ละก้อนหนักกว่า 2 ตัน แต่ละก้อนวางชิดติดกันแบบแนบสนิทมากแม้แต่กระดาษก็สอดไม่ผ่าน กลุ่มของมหาพีระมิดประกอบด้วย ปิรามิดคูฟู Khufuมีขนาดใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในหมู่พีระมิดแห่งกิซ่า สร้างโดยฟาห์โรคูฟู ที่มีจุดประสงค์เพื่อเป็นที่ประทับสำหรับการฟื้นคืนชีพ สูง 146 เมตร สร้างด้วยหินแกรนิต 2.3 ล้านแท่ง ภายในมีห้องโถงหลายห้อง ปิระมิดคาเฟร Khafreตั้งอยู่ตรงกลางของพีระมิดทั้ง 3 ปิระมิด สร้างโดยฟาโรห์เคเฟรน ในปี 2465 ก่อน ค.ศ. สูง 136 เมตร ต่ำกว่ามหาปิรามิด 10 เมตร สร้างบนเนินดินขนาดใหญ่ จึงทำให้ดูสง่ากว่าปิรามิด 2 อีกองค์ กินเนื้อที่ประมาณ 1.6 ล้านลูกบาศก์เมตร มีห้องโถงกว้าง 2 ห้อง แต่ภายในถูกบุกรุก ทำลายเสียหาย ปิรามิดมิเซรินุส (Mycernos) สร้างโดยฟาโรห์เมน เคอเร ปี 2420 ก่อน ค.ศ. มีขนาดเล็กที่สุด และเก่าแก่น้อยที่สุดในหมู่พีระมิดแห่งกิซ่าชม สูง 66.45 เมตร ปัจจุบันสูงเพียง 62.18 เมตร อิสระเดินเที่ยวชมและถายภาพตามอัธยาศัย
จากนั้นให้ท่านมีโอกาสได้ ขี่อูฐ กลางทะเลทรายชมทิวทัศน์รอบๆโดยมีหมู่ปีรามิดเป็นฉากหลัง
แวะชมสฟิงซ์ ที่แกะสลักจากเนินหินธรรมชาติมีหน้าที่เฝ้าวิหารและสุสานของกษัตริย์ เป็นเครื่องแสดงถึงอำนาจ ส่วนหัวเป็นพระพักตร์ของฟาโรห์เคฟเฟร ลำตัวเป็นสิงโตหมอบเพศผู้ มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกยาวประมาณ 73 เมตร สูง 20 เมตร แกะสลักจากหินปูนเพียงก้อนเดียว ซึ่งเป็นสฟิงซ์หนึ่งเดียวในบริเวณที่ราบสูงกีซ่าแห่งนี้
จากนั้นนำท่านเข้าชม ศูนย์กลางการทำ “กระดาษปาปีรุส”ซึ่งเป็นกระดาษชนิดแรกของโลกทำจากต้นกก (PAPYRUS) ใช้บันทึกข้อความสรรเสริญเทพเจ้าและเหตุการณ์ในสมัยอียิปต์โบราณ พร้อมกับ และชม โรงงานผลิตหัวน้ำหอม Perfume Factory ซึ่งกล่าวกันว่าการทำน้ำหอมแบบนี้สืบทอดมาตั้งแต่สมัยพระนางคลีโอพัตรา และยังเป็นศูนย์กลางแหล่งผลิดหัวน้ำหอมขนาดใหญ่ให้กับยี่ห้อ แบรนด์เนมดังๆ หลายยี่ห้ออีกด้วย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก RADISSION BLU HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า, เมืองไคโร
วันที่สาม ไคโร – อเล็กซานเดรีย – สุสานแห่งอเล็กซานเดรีย – เสาปอมเปย์ – ห้องสมุดแห่งอเล็กซานเดรีย - ถ่ายรูปคู่กับป้อมประภาคารไคว์ทเบย์
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
07:00 น. นำท่านเดินทางสู่ เมืองอเล็กซานเดรีย(ระยะทาง 235 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) ซึ่งเป็นเมืองสำคัญในสมัยโรมันปกครองอียิปต์ เดิมทีเป็นหมู่บ้านประมงเล็กๆ ที่ชื่อว่าราคอนดาห์ เมื่อ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล จนเมื่อ 332 ปี ก่อนคริสตกาลหรือประมาณ 2,300 กว่าปีก่อนพระเจ้า อเล็กซานเดอร์มหาราชมาพบ จึงให้มีการปรับปรุงขยายเมืองเพื่อเป็นเมืองหลวงและตั้งชื่อให้คล้องจองกับชื่อของพระองค์ เมืองอเล็กซานเดรียนี้ยังเป็นสถานที่สำคัญในตำนานรักอันยิ่งใหญ่ของ ราชินีเลอโฉมชื่อก้องโลก พระนางคลีโอพัตรา และนายทหารโรมัน มาร์ค แอนโทนี และปัจจุบันเมืองนี้ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ เป็นเมืองพักผ่อนตากอากาศที่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก ชมหลุมฝังศพใต้ดินแห่งอเล็กซานเดรีย1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกยุคกลาง สุสานของขาวโรมันในอดีตมีกว่า 50,000 ศพ สุสานใต้ดินแห่งนี้มีสามชั้น ชั้นที่ 1 มีไว้สำหรับลำเลียงโลงและศพ ชั้นที่ 2 เป็นที่ฝังศพ และชั้นที่ 3 ใช้เป็นที่รวมญาติเพื่อระลึกถึงผู้ตาย โดยมีการเลี้ยงสังสรรค์กันทั้งวัน ซึ่งเล่ากันว่าตอนที่นักโบราณคดีค้นพบที่นี่เป็นครั้งแรก บนโต๊ะยังมีขวดไวน์และจานวางอยู่ ชมเสาปอมเปย์เป็นสิ่งสำคัญโบราณในสมัยโรมันปกครองอียิปต์ เป็นเสาแกรนิตสูง 27 เมตร ปอมเปย์ เป็นชื่อเพื่อนสนิทของ จูเลียส ซีซ่า ผู้นำที่ยิ่งใหญ่แห่งโรมัน ซึ่งภายหลังทั้งสองได้กลายเป็นศัตรูกันและปอมเปย์ได้หลบหนีมายังเมืองอเล็กซานเดรียในอียิปต์ และได้ถูกชาวอิยิปต์ฆ่าเสียชีวิต ปัจจุบันนี้เหลือเพียงแค่เสาโบราณแบบกรีกตั้งอยู่อย่างโด่ดเด่นและสฟิงซ์อีกสองตัว
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
ได้เวลาสมควรเดินทางกลับสู่เมืองหลวง กรุงไคโร ระหว่างทางกลับสู่กรุงไคโรนำท่านแวะถ่ายรูปด้านนอกคู่กับ ป้อมประภาคารไคว์ทเบย์ (Citadelof Quitbay) และห้องสมุดแห่งอเล็กซานเดรีย ซึ่งในอดีตนั้นเป็นที่ตั้งของ ประภาคารฟาโรสถือว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ปัจจุบันเหลือเพียงส่วนที่เป็นฐานและได้มีรับการทะนุบำรุงต่อเติมจากสุลต่านเกย์ตเบย์ โดยรวบรวมซากเดิมบางส่วนเข้ามา พักผ่อนหย่อนใจกับการชมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่สวยงาม
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก RADISSION BLU HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า, เมืองไคโร
วันที่สี่ ไคโร – บินภายในสู่ “อัสวาน” – เขื่อนยักษ์อัสวาน – ชมวิหารฟินเลย์ – ชมเสาหินโอเบลิกที่สร้างไม่เสร็จ - ล่องเรือเฟลุคกะ
04:30 น. บริการอาหารเช้าแบบกล่อง พร้อมเช็คเอาท์จากโรงแรมที่พัก
05:00 น. เดินทางสู่ สนามบินไคโร อาคารภายในประเทศเพื่อเช็คอินไฟล์ทสู่ เมืองอัสวาน
08.45 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินอัสวาน โดยสายการบิน อียิปต์ แอร์ เที่ยวบินที่ MS96 ใช้เวลาบิน ประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที (น้ำหนักกระเป๋า 1 ใบ ไม่เกิน 23 กิโลกรัม) เที่ยวบินอาจมีการเปลี่ยนแปลง
10:05 น. เดินทางถึง เมืองอัสวาน รับกระเป๋าเรียบร้อย ออกเดินทาง
พาท่านแวะถ่ายรูปบริเวณ เขื่อนยักษ์อัสวาน (HighDam)เขื่อนหิน ที่ถูกสร้างขึ้นกั้นแม่น้ำไนล์ในอัสวาน อียิปต์ ในช่วงระหว่าง ค.ศ. 1960 และ 1970 ความสำคัญของมันส่วนใหญ่ได้บดบังเขื่อนระดับต่ำของอัสวานที่สร้างขึ้นก่อนหน้านี้และอยู่ปลายน้ำ ด้วยความสามารถในการควบคุมน้ำท่วมได้ดีเพิ่มการกักเก็บน้ำเพื่อการชลประทานและสร้างไฟฟ้าพลังน้ำ เขื่อนแห่งนี้จึงถูกมองว่าเป็นหัวใจสำคัญของอียิปต์
นำท่าน ชมวิหารฟินเลย์วิหารที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพีไอซิส ต้องนั่งเรือเล็กเข้าไปประมาณ 15 นาที เป็นวิหารที่มีความสําคัญและงดงามมาก ในอดีตวิหารนี้เคยถูกสร้างขึ้นบนเกาะฟิเลกลางแม่น้ำไนล์ แต่เมื่อเขื่อนอัสวานสร้างเสร็จ วิหารทั้งวิหารก็จมอยู่ใต้ระดับน้ำ นานาชาติจึงเข้ามาช่วยเหลือโดยการทำทำนบกั้นน้ำ และค่อยๆย้ายหินทีละก้อน ขึ้นมาสร้างวิหารแห่งใหม่ที่เกาะอากิลเกียแทนที่วิหารเดิม
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่าน ชมเสาหินโอเบลิกที่สร้างไม่เสร็จมีขนาดความสูง 42 เมตร หนัก 1,168 ตัน สร้างขึ้นเมื่อ 1,500 ปีก่อนคริสต์กาล ถูกสร้างในสมัยมหาราชินีฮัตเซปซุต ฟาโรห์หญิงแห่งอียิปต์ เพื่อใช้เป็นเสาโอเบลิสก์ตั้งไว้หน้าวิหารคาร์นัคในเมืองลักซอร์ แต่ระหว่างการก่อสร้างเสาโอเบลิสก์มีรอยแตกร้าว ช่างแกะสลักจึงล้มเลิกโครงการ เชื่อกันว่าหากเสาโอเบลิกนี้สร้างเสร็จจะเป็นเสาโอเบลิกหินแท่งเดียวที่สูงที่สุดในโลก
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พักเพื่อทำการเช็คอิน ให้ท่านพักผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ยามเย็นนำท่านสัมผัสประสบการณ์ ล่องเรือเฟลุคกะ เรือใบโบราณที่ใช้เป็นพาหนะในการค้าขายในสมัยโบราณผ่านชม สวนพฤกษศาสตร์เป็นที่ศูนย์รวมพันธ์ไม้นานาชนิด, สุสานอากาข่าน, วิวชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองอัสวาน ชมวิวทิวทัศน์อันงดงามหน้าเมืองอัสวานขณะล่องไปตามแม่น้ำไนล์
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก Movenpick Resort ระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า, เมืองอัสวาน
วันที่ห้า อัสวาน – อาบูซิมเบล – มหาวิหารรามเสสที่ 2 – วิหารเนฟเฟอร์ตารี – อัสวาน
04:00 บริการอาหารเช้าแบบกล่อง พร้อมเช็คเอาท์จากโรงแรมที่พัก
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอาบูซิมเบล โดยรถโค้ช (ระยะทาง 288 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที) นำท่านเข้าเดินทางเข้า ชมมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์อาบูซิมเบลมหาวิหารของอียิปต์โบราณอันประกอบขึ้นจากหินขนาดใหญ่สองก้อนเป็นโบราณสถานหนึ่งในมรดกโลกขององค์การยูเนสโก (Unesco) นอกจากนี้ยังรู้จักกันในนามอนุสรณ์สถานแห่งนิวเบีย เดิมมหาวิหารถูกก่อสร้างโดยการเจาะแกะสลักเข้าไปในภูเขาหินในช่วงรัชสมัยของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ในช่วงศตวรรษที่ 13 ก่อนคริสตกาล ตั้งอยู่ทางใต้ของอียิปต์ริมฝั่งตะวันตกทะเลสาบนัสซอร์ แต่หลักจากมีการสร้างเขื่อนอัสวานส่งผลให้มหาวิหารและโบราณสถานรายรอบต้องจมอยู่ก้นทะเลสาบ ทางองค์กรยูเนสโกและรัฐบาลฝรั่งเศสได้ช่วยเหลือทางด้านเงินทุนเพื่อกู้วิหารขึ้นมาจากทะเลสาบ และเชื่อกันว่าวิหารถูกจัดวางใหม่ตามหลักของสถาปนิกชาวอียิปต์โบราณด้วยการดูองศาและหมู่ดาวตามแบบเดิมทุกตารางนิ้ว
ชม วิหารใหญ่แห่งฟาโรห์ฟาโรห์รามเสสที่ 2เป็นวิหารที่สำคัญสร้างขึ้นในปี 1264 ปีก่อนคริสกาล ใช้เวลาสร้าง 20 ปี รู้จักในชื่อวิหารรามเสสผู้เป็นที่รักของอามุนราด้านหน้าวิหารจะมีรูปสลักซึ่งมีพระพักตร์ของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ในท่านั่งสี่องค์ องค์ที่สองถล่มลงเนื่องจากเหตุแผ่นดินไหว สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นที่บูชาแด่เทพอามุนรา ฮอรากาติ และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองกับชัยชนะของอียิปต์ที่มีต่อนิวเบีย (ซูดานในปัจจุบัน) ที่สมรภูมิแห่งคาเดสและเป็นการข่มขู่นิวเบียไม่ให้มารุกรานอียิปต์ซึ่งเป็นอาณาจักรใกล้เคียงอีกด้วย และสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นทุกปีคือทุกวันที่ 22 ตุลาคม และ 22 กุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาและวันราชาภิเษก องศ์ของฟาโรรามเสสที่สอง แสงดวงอาทิตย์ยามเช้าจะส่องผ่านเข้าไปในวิหารและส่องแสงไปที่ห้องบูชาที่มีรูปสลัก 4 องค์นั่งอยู่ หนึ่งในนั้นคือฟาโรห์รามเสสที่ 2 พร้อมด้วยเทพเจ้าต่างๆ อีก 3 องค์ ในวันดังกล่าวผู้คนทั่งโลกต่างมารวมตัวกันที่ Abu Simbel เพื่อเป็นสักขีพยานและรอชมปรากฏการณ์และรับพลังในวันดังกล่าวทุกปี
ในบริเวณเดียวกัน ชมวิหารเล็กสำหรับบูชาเทพีแฮธอร์และยังเป็นอนุสรณ์สถานแห่งสุดท้ายขององค์ฟาโรห์รามเสสที่ 2 และ พระนางเนเฟอร์ทารี พระมเหสีสุดที่รักของพระองค์และเป็นหนึ่งในไม่กี่ตัวอย่างในศิลปะอียิปต์ที่รูปปั้นของกษัตริย์และมเหสีของเขามีขนาดเท่ากัน
จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองอัสวาน โดยรถโค้ช และนำท่านทำการเช็คอินขึ้นเรือสำราญ (พักบนเรือ 3 คืน) ซึ่งเป็นเรือสำราญขนาดใหญ่ ล่องไปตามแม่น้ำไนล์
เที่ยง บริการอาหารกลางวันแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารหลักของเรือที่พัก (อาหารเที่ยงประมาณบ่ายสอง) จากนั้นให้ท่านอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัยและคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
ค่ำ บริการอาหารกลางวันแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารหลักของเรือที่พัก
ที่พัก Nile Cruise ระดับ 5 ดาว (พักบนเรือคืนที่ 1)
*โปรแกรมบนเรืออาจจะมีการปรับเปลี่ยนตามการเดินเรือแต่ละเที่ยวซึ่งขึ้นอยู่กับการจัดการโดยเรือ*
วันที่หก อัสวาน – วิหารคอมออมโบ – เอ็ดฟู
เช้า บริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารหลักของเรือที่พัก
เรือล่องไปยัง เมืองคอมออมโบ เมืองเล็กๆ ที่อยู่ ระหว่าง เมืองอัสวาน และเอ็ดฟู สภาพตัวเมืองดูโบราณกว่าไคโร หรือ อัสวานอย่างเห็นได้ชัด ตัวบ้านเรือนส่วนใหญ่สูงเพียงหนึ่งหรือสองชั้นฉาบปูนและทาสีต่างๆ เรือเข้าเทียบท่า เมืองคอมออมโบ นำท่าน ชมวิหารคอมออมโบเทวสถานอันเป็นศิลปะแบบกรีกโรมัน ที่ยังหลงเหลืออยู่ในประเทศอียิปต์ อีกทั้งเป็นวิหารที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าสององค์ คือ เทพโซเบค เทพเจ้าแห่งลำน้ำและความอุดมสมบูรณ์อันมีเศียรเป็นจระเข้ วิหารอยู่ด้านขวามือ และ เทพฮอรัส เทพเจ้าแห่งการต่อสู้และความกล้าหาญ มีเศียรเป็นเหยี่ยว วิหารอยู่ด้านซ้ายมือ
จากนั้นนำท่านกลับขึ้นเรือ
เที่ยง บริการอาหารกลางวันแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารหลักของเรือที่พัก
เรือล่องต่อไปยัง เมืองเอ็ดฟู อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยบนเรือ หรือจะเลือกขึ้นไปนั่งบริเวณดาดฟ้าของเรือพร้อมจิบชายามบ่ายชมบรรยากาศสองฝั่งริมแม่น้ำไนล์ สายนทีแห่งชีวิตหลักของชาวอียิปต์ตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน
ค่ำ บริการอาหารกลางวันแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารหลักของเรือที่พัก
ที่พัก Nile Cruise ระดับ 5 ดาว (พักบนเรือคืนที่ 2)
*โปรแกรมบนเรืออาจจะมีการปรับเปลี่ยนตามการเดินเรือแต่ละเที่ยวซึ่งขึ้นอยู่กับการจัดการโดยเรือ*
วันที่เจ็ด เอ็ดฟู – ประตูน้ำอีสน่าล็อค – วิหารลุคซอร์
เช้า บริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารหลักของเรือที่พัก
นำท่านนั่งรถม้าไปชม วิหารเอ็ดฟู วิหารที่สร้างขึ้นเพื่อบูชา เทพเจ้าฮอรัส ปัจจุบันได้รับการยกย่องว่าเป็นวิหารอียิปต์โบราณซึ่งสร้างด้วยหินสีดำที่มีขนาดใหญ่สวยงามและยังคงสภาพสมบูรณ์ที่สุด จากนั้นนำท่านนั่งรถม้ากลับสู่ท่าเรือ
เที่ยง บริการอาหารกลางวันแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารหลักของเรือที่พัก
เรือล่องต่อไปยัง เมืองลุคซอร์ ผ่านไปทาง ประตูน้ำอีสน่าล๊อค ซึ่งการผ่านของเรือทำโดยการปิด-เปิดประตูน้ำ เพื่อปรับระดับน้ำจากระดับน้ำที่สูงกว่า และค่อยๆลดระดับลงให้เท่ากับระดับน้ำที่ต่ำกว่าก่อนจะปล่อยเรือผ่านประตูน้ำออกไป ลุคซอร์อยู่ทางตอนใต้ของเมืองไคโรประมาณ 650 ก.ม.
เรือเทียบท่า เมืองลุคซอร์ นำท่าน ชมเมืองลุคซอร์ฝั่งอิสต์แบงค์ หรือเมืองทางฝั่งตะวันตะวันออกของแม่นํ้าไนล์ ชมวิหารลุคซอร์(The Temple of Luxor)ซึ่งสร้างถวายแก่เทพอมอน-รา กษัตริย์แห่งเทพทั้งปวง ประกอบด้วยซุ้มประตูขนาดใหญ่ หน้าวิหารมีรูปสลักหินแกรนิตขนาดมหึมาเป็นฟาโรห์รามเซสที่ 2 และมหาราชินีเนเฟอตารี ชมเสาโอบิลิสก์ เสาหินแกรนิตขนาดใหญ่ ซึ่งแกะสลักด้วยอักษรอียิปต์โบราณ (เฮโรกริฟฟิค)
ค่ำ บริการอาหารกลางวันแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารหลักของเรือที่พัก
ที่พัก Nile Cruise ระดับ 5 ดาว (พักบนเรือคืนที่ 3)
*โปรแกรมบนเรืออาจจะมีการปรับเปลี่ยนตามการเดินเรือแต่ละเที่ยวซึ่งขึ้นอยู่กับการจัดการโดยเรือ*
วันที่แปด ลุคซอร์ – หุบเขากษัตริย์ – วิหารเดลมาฮารี – อนุสาวรีย์แห่งเมมนอน – มหาวิหารคาร์นัค - บินภายในสู่ “กรุงไคโร”
เช้า บริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารหลักของเรือที่พัก
เช็คเอาท์จากเรือ จากนั้นนำท่านชม เมืองลุคซอร์ฝั่งเวสต์แบงค์ หรือเมืองทางฝั่งตะวันตกของแม่นํ้าไนล์ ชมหุบเขากษัตริย์(Valley of the King)เป็นสถานที่เก็บพระศพของเหล่าฟาโรห์กว่า 62 พระองค์ที่แยกซ่อนอยู่ตามบริณเนินเขาต่างๆในบริเวณหุบผา ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าผาธีบัน ที่บริเวณนี้เป็นภูเขาหินทรายสีแดง ในแต่ละสุสานต้องใช้การขุดเจาะภูเขาเข้าไปทำเป็นช่องทางลับภายใน มีทำทางเดินเป็นช่วงๆ และทำเป็นห้องสำหรับวางโลงศพ สมบัติ ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของฟาโรห์ ชมความอัศจรรย์ของภาพวาดตามผนังจากสีธรรมชาติที่มีอายุกว่าพันๆ ปี จากยุคฟาโรห์แต่ยังคงความสวยงามไว้จนถึงยุคปัจจุบัน นำท่านเข้าชม 3 สุสานที่สวยที่สุดและสมบรูณ์ที่สุด (ไม่รวมที่เก็บพระศพฟาโรห์ตุตันคาเมน ซึ่งท่านที่ต้องการชมต้องชำระเงินเพิ่มจำนวน 300 อียิปต์ ชั่นพาวน์ กรุณาแจ้งความจำนงกับหัวหน้าทัวร์ล่วงหน้า)
ชมวิหารเดลบาฮารี Deir El Bahari อนุสรณ์สถานที่ประดิษฐานพระศพของ ฟาโรห์หญิงฮัปเซปซุท หรือที่รู้จักกันในนามของ “ราชินีหนวด” ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกคนสนิท “เซเนมุท” เมื่อกว่า 3,500 ปีมาแล้ว ชมอนุสาวรีย์แห่งเมมนอน (Colossi of Memnon)รูปสลักหินทรายขนาดใหญ่ 2 รูป มีความสูงถึง 20 เมตร ซึ่งสมัยก่อนเป็นวิหารที่ใช้ฝังพระศพของฟาโรห์อเมนโนฟิสที่ 3 แต่เมื่อ 27 ปี ก่อนคริสตกาลเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ทำให้ตัววิหารทั้งหลังพังลงมา เหลือเพียงรูปสลัก 2 รูป จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่เรือ
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่าน ชมมหาวิหารคาร์นัค (The Temple of Karnak)วิหารที่ใหญ่ที่สุดในโลกตัววิหารหลังเดียวมีเนื้อที่ถึง 60เอเคอร์ ซึ่งใหญ่พอที่จะนำโบสถ์ขนาดใหญ่ของยุโรปไปวางได้ถึง 10 หลัง มหาวิหารแห่งนี้เริ่มก่อสร้างในสมัยฟาโรห์ ทุตโมซิสที่ 1 เพื่อถวายแด่เทพอมอน-รา เมื่อกว่า 3,600 ปี มาแล้ว
ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินลุคซอร์ เพื่อทำการเช็คอินไลท์สู่กรุงไคโร
19.40 น. ออกเดินทางสู่ กรุงไคโร โดยสายการบิน แอร์ ไคโร เที่ยวบินที่SM67 ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที (น้ำหนักกระเป๋า 1 ใบ ไม่เกิน 23 กิโลกรัม) เที่ยวบินอาจมีการเปลี่ยนแปลง
20.50 น. เดินทางถึง สนามบินกรุงไคโร รับกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย นำท่านขึ้นรถบัสที่รอรับ
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก RADISSION BLU HOTEL ระดับ 4 ดาว หรือเทียบเท่า, เมืองไคโร
วันที่เก้า ป้อมปราการเก่าแห่งซาลาดิน – ชมสุเหร่าแห่งโมฮัมหมัดอาลี
เช้า รับประทานอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ ป้อมปราการเก่าแห่งซาลาดินCitadel of Saladin สร้างเมื่อ ค.ศ. 1176 โดยสุลต่านซาลาดิน เพื่อเป็นป้อมปราการป้องกันการรุกรานของศัตรู สมัยสงครามครูเสด อยู่บนเนินเขากลางกรุงไคโรสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของกรุงไคโรได้ไกลถึงปิรามิดที่กีซ่า
ชมสุเหร่าแห่งโมฮัมหมัดอาลี (Mohamm ad Ali) สุเหร่าที่ใหญ่และสูงที่สุดในกรุงไคโร สร้างในปี ค.ศ. 1830 เสร็จปี ค.ศ. 1848 เป็นสัญลักษณ์ของกรุงไคโร ประกอบด้วย 2 ส่วน คือตัวสุเหร่า และส่วนของสนามตรงกลางเป็นรูปสี่เหลี่ยมมีโดมขนาดใหญ่สูง 52 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 21 เมตร มีโดมขนาดเล็กรองรับอีก 4 มุม ตัวอาคารสร้างด้วย หิน Albaster ตกแต่งด้วยโคมไฟระย้างดงามตามแบบศิลปะอิสลาม หน้าสุเหร่ามีหอนาฬิกาที่พระเจ้าหลุยส์ฟิลิปป์แห่งฝรั่งเศสมอบให้รัฐบาลอียิปต์เป็นของขวัญ แลกกับเสาโอเบลิสก์จากวิหารลักซอร์
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์อียิปต์“The Egyptian Museum”เป็นที่เก็บสะสมโบราณวัตถุของฟาโรห์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดตัวในปี 1902 โดย Khedive Abbas Helmy II จัดแสดงคอลเล็กชันกว่า 120,000ชิ้น ตั้งแต่ยุคก่อนราชวงศ์ จนถึงยุคกรีก – โรมัน ได้รับรางวัลจากสถาปนิกชาวฝรั่งเศส Marcel Dourgnon และได้กลายเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในย่านใจกลางเมืองไคโร ท่ามกลางคอลเล็กชันที่ไม่มีใครเทียบได้ของพิพิธภัณฑ์
**อัตราค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ไม่รวมค่าธรรมเนียม กล้องถ่ายรูป EGP20 วิดีโอใช้ส่วนตัว EGP300 ออดิโอทัวร์ 30EGP และเข่าชมห้องหน้ากากทองคำ**
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ตลาดข่านเอลคาลีลี ตลาดสำคัญทางการค้าขายของพื้นเมืองและแหล่งสินค้าที่ระลึกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงไคโร อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสิ้นค้าพื้นเมืองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำหอมที่ทำด้วยมือสินค้าต่างๆ เครื่องทองคำรูปพรรณ และเพชรพลอยลวดลายแบบอาหรับ พรม และของที่ระลึกแบบพื้นเมือง
ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินไคโร เพื่อทำการเช็คอินไฟลท์ EK942(กระเป๋าจะทำการเช็คทรูจากสนามบินไคโร จนถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องน้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 30 กิโลกรัม และถือขึ้นเครื่องได้อีกท่านละ 1 ใบ ไม่เกิน 7 กิโลกรัม)
19:30 ออกเดินทางจาก สนามบินดูไบ โดยสายการบิน เอมิเรสต์เที่ยวบินที่ EK924 (บริการอาหารและพักผ่อนบนเครื่องบิน)
วันที่สิบ สนามบินดูไบ – สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ
00:50 น. เดินทางถึง สนามบินดูไบ เพื่อทำการเปลี่ยนเครื่อง กลับสุ่กรุงเทพฯ
03:45 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเอมิเรสต์ เที่ยวบินที่ EK384 (รับประทานอาหารและพักผ่อนบนเครื่องบิน)
12:55 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ
*****Travel Around The World by Chic Journey*****
รายการท่องเที่ยวนี้อาจเปลี่ยนแปลงหรือสลับกันได้ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ถือเป็นเอกสิทธิ์ของผู้จัด โดยยืดถือตามสภาพการณ์และประโยชน์ของผู้เดินทางเป็นสำคัญ
อัตราค่าบริการ ต่อท่าน เป็นสกุลเงิน ไทยบาท (การันตี 10 ท่าน ออกเดินทาง) |
||
วันเดินทาง |
ราคาผู้ใหญ่ ต่อท่าน พักห้องคู่ |
พักเดี่ยวจ่ายเพิ่ม |
13 – 22 พฤศจิกายน 2566 20 – 29 พฤศจิกายน 2566 |
110,000 |
20,000 |
|