ทัวร์ยุโรปตะวันออก8วัน6คืน มี.ค.-เม.ย.67 เยอรมัน ออสเตรีย เช็ค สโลวาเกีย ฮังการี บิน EK มีนาคม สงกรานต์ เมษายน 2567

รหัสสินค้า : CJN-B001EUR32_EAST EUROPE-EK

ราคา

86,999.00 ฿

จำนวนที่จะซื้อ
ราคารวม 86,999.00 ฿

สินค้าไม่เพียงพอ

สินค้าหมด

ราคา : เริ่มต้น 86,999.-บาท

โดยสายการบิน : Emirates Airline ( EK )

สนามบินดูไบ(เปลี่ยนเครื่อง)•มิวนิค (เยอรมนี)•สนามฟุตบอลอัลลิอันซ์ อารีน่า •ชวานเกา•ปราสาทนอยชวานสไตน์•ฟุสเซ่น•มิวนิค•จัตุรัสมาเรียนพลาสท์ •เมืองซาลบวร์ก•พระราชวังและสวนมิราเบล•จัตุรัสเรสซิเดนซ์•บ้านเกิดโมซาร์ท•เซ็นท์วูฟกัง•เมืองฮัลล์สตัทท์•เชสกี้ครุมลอฟ•ปราก•สะพานชาร์ล•ย่านเมืองเก่า•นาฬิกาดาราศาสตร์•ปราสาทปราก•โบสถ์เซ็นท์วีตัส•ถนน Golden Lane•ปราสาทบราทิสลาวา •Fashion Outlet Parndorf•ปูดาเปสต์•จัตุรัสวีรบุรุษ•สะพานเชน•คาสเทิลฮัลล์•มหาวิหารเซ็นท์สตีเฟ่น•ล่องเรือแม่น้ำดานูบพร้อมแชมเปญ •บูดาเปสต์ • เวียนนา•พระราชวังและสวนเชินน์บรุน•ถนนคาร์ทเนอร์ •สนามบินดูไบ(เปลี่ยนเครื่อง)

**พักโรงแรม 4 ดาว , พิเศษ!!พัก Hallstatt หรือ St.Wolfgang หรือ ริมทะเลสาบ 1 คืน

**พิเศษ!!ลิ้มลองเมนูประจำชาติทั้ง5ประเทศ 

เดินทาง : มีนาคม - เมษายน 2567

สงกรานต์ 09 -16 เม.ย.67,10 – 17 เม.ย. 67,12 – 19 เม.ย.67

หมายเหตุ ; โปรแกรมหน้าเวปไซด์เป็นรายการที่จัดทำล่วงหน้ากรุณาตรวจสอบและเชคที่นั่งว่างก่อนทำการจองทุกครั้ง

วันแรก:สนามบินสุวรรณภูมิ • สนามบินดูไบ  • มิวนิค ( - / - / - )

06.00 น.พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 9ROW T เคาน์เตอร์สายการบินเอมิเรตต์ Emirate Airline (EK)โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการเช็คอินให้แก่ทุกท่าน
09.30 น. ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเที่ยวบินที่ EK 375(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
13.15 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ(เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง)
15.55 น. ออกเดินทางสู่ เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี โดยเที่ยวบินที่ EK 51
19.35 น. เดินทางถึง สนามบินมิวนิค ประเทศเยอรมนี นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชม. และ 6 ชม. ในฤดูหนาว)
ที่พัก Mercure Hotel Muenchen Ost Messe หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

วันที่สอง :มิวนิค (เยอรมนี) • สนามฟุตบอลอัลลิอันซ์ อารีน่า • ชวานเกา • ปราสาทนอยชวานสไตน์ • ฟุสเซ่น • มิวนิค • จัตุรัสมาเรียนพลาสท์ (เช้า / กลางวัน / เย็น)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองชวานเกา (SCHWANGAU)ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.
พาท่านถ่ายรูปบริเวณด้านหน้าของ ปราสาทนอยชวานสไตน์ (NEUSCHWANSTEIN CASTLE) มหาปราสาทแห่งยุคกลาง ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทางการท่องเที่ยวของแคว้นบาวาเรียเลยที่เดียว โดยถูกสร้างขึ้นจากพระราชดำรัสของพระเจ้าลูทวิชที่ 2 ในปี 1864 ซึ่งปราสาทแห่งนี้นั้น โด่ดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบ นิโอโกธิคผสม โรมาเนสส์ จนทำให้เป็นต้นแบบของปราสาทในเทพนิยายของดิสนีย์ที่เราเห็นกัน หากมีเวลา พาท่านนั่งรถ Shuttle Bus เพื่อพาชมวิวมุมสูงของตัวปราสาท ที่บริเวณสะพานมาเรียน (Marienbrücke)
*หากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยหรือมีเหตุใดอาจทำให้เกิดความอันตราย ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการไม่พาท่านขึ้น โดยยึดเอาความปลอดภัยของท่านเป็นสำคัญ*
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
นำแวะถ่ายรูปที่ สนามฟุตบอล อัลลิอันซ์ อารีนา (Allianz Arena)รังเหย้าของทีมสโมสรฟุตบอลดังอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ทีมยักษ์ใหญ่จากบุนเดสลีกาสนามฟุตบอลแห่งนี้สามารถจุผู้ชมได้มากว่า 75,000 คน ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศเยอรมัน ด้วยทุกสร้างกว่า 340 ล้านยูโร ด้วยรูปทรงเฉพาะ ชาวมิวนิคจึงมีชื่อเรียกเล่นๆ ว่า Schlauchboot ซึ่งแปวว่าเรือยาง
จากนั้น นำท่านเข้าสู่ตัว เมืองมิวนิค ให้ท่านได้อิสระที่บริเวณ จัตุรัสมารีนเพทส (Marienplatz) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์และธุรกิจของนครมิวนิค บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมืองที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่งดงามซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ใช้เวลาสร้างถึง 42 ปี มีหอระฆังสูง 85 เมตร ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวรอคอยเฝ้าชมตุ๊กตาไขลานที่จะออกมาเต้นรำ เมื่อนาฬิกาตีบอกเวลา 11.00 น. และ 17.00 น. อิสระท่านเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนม และของฝากตามอัธยาศัย
ค่ำ  บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่นเมนูพิเศษ ขาหมูเสิร์ฟพร้อมเบียร์เยอรมันขนานแท้
ที่พัก Mercure Hotel Muenchen Ost Messe หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

วันที่สาม : เมืองซาลบวร์ก • พระราชวังและสวนมิราเบล • จัตุรัสเรสซิเดนซ์ • บ้านเกิดโมซาร์ท • เซ็นท์วูฟกัง •  เมืองฮัลล์สตัทท์   (เช้า / กลางวัน / เย็น)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านสู่เมืองบ้านเกิดของคีตกวีเอกที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งของโลกนาม ว็อล์ฟกัง อมาเดอุส โมซาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) เมืองซาลบวร์ก (Salzburg)เมืองที่มีความหมายว่า ปราสาทเกลือ เนื่องด้วยสมัยก่อนนั้นเกลือถือเป็นวัตถุดิบล้ำค่า มีราคาเทียบเท่ากับทองคำ และที่นครแห่งนี้นั้นมีเหมืองเกลือขนาดใหญ่ ทำให้สภาพทางเศรษฐกิจในซาลบวร์กเฟื่องฟูมากที่สุดเมืองหนึ่งของยุโรปเลยทีเดียว (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.)
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านชมความงามของ พระราชวังและสวนมิราเบล (Mirabell Palace and Gardens)สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1606 โดยเจ้าชายอาร์คบิชอป Wolf Dietrich ซึ่งรับสั่งให้สร้างพระราชวังขึ้นเพื่อ Salome Alt หญิงผู้เป็นที่รักของพระองค์ โดยคำว่ามิราเบล มาจากคำ 2 คำ คือ admirable ที่แปลว่าน่าชื่นชม และ คำว่า beautiful ที่แปลว่าสวย จึงมีความหมายโดยรวมว่า ความโสภาที่น่าอภิรมย์ ดั่งความโรแมนติกอันเป็นเหตุแห่งการสร้างพระราชวังแห่งนี้ ไฮไลท์ของพระราชวังแห่งนี้นั้นคือ ตัวสวนมิราเบล สวนที่ถูกจัดเป็นสไตล์บาโรค ที่ถูกรังสรรค์เพิ่มเติมจนแล้วเสร็จในปี 1690 เป็น 1 ในฉากถ่ายทำภาพยนต์เพลงชื่อก้องโลกอย่าง The Sound Of Musicที่ฉายในปี 1965 นำแสดงโดย จูลี่ แอนดรูว์ กับเพลงที่โด่งดังอย่าง “Do Re Mi”
นำท่านเดินเล่นและแวะถ่ายรูปบริเวณ ถนนGetreidegasseที่มีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์คือ บ้านเลขที่ 9 ซึ่งเป็นบ้านเกิดของโมซาร์ท ถัดไปนั้นเป็น จัตุรัสเรสซิเดนท์ (Residenzplatz)จัตุรัสที่รวมสถานที่สำคัญของเมือง ไม่ว่าจะเป็น อาสน์วิหารซาลบวร์ก พระราชวังเรสซิเดนท์รวมไปถึง ประติมากรรม Sudliche Dombogen โดยจากตรงนี้ท่านจะสามารถเห็น ป้อมโฮเฮนซาลบวร์ก (Fortress Hohensalzburg) ได้อย่างชัดเจน หลังจากชมเมืองซาลบวร์กเสร็จสิ้นแล้ว
จากนั้น พาท่านเดินทางต่อไปยัง หมู่บ้านมรดกโลกที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นหมู่บ้านมรกดกโลกที่สวยที่สุดในโลกฮัลล์สตัท (Hallstatt)(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เมืองมรดกโลกที่อยู่ท่ามกลางขุนเขาและทะเลสาบ ตั้งอยู่ในรัฐอัปเปอร์ออสเตรีย มีประชากรไม่ถึง 1,000 คน แต่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนกว่า 800,000 คนต่อปี ด้วยทัศนียภาพตระการตา ที่ธรรมชาติและมนุษย์ร่วมกันประกอบขึ้นทำให้ เป็นสถานที่ที่เป็น The Must ของยุโรปตะวันออกเลยทีเดียว ให้ท่านอิสระในการซึมซับบรรยากาศของเมืองมรดกโลกก่อนพาท่านชม เมืองเซ็นท์ วูฟกัง (St.Wolfgang)อีกหนึ่งเมืองที่มีทะเลสาบที่สวย และยังเป็นเมืองตากอากาศที่เลื่องชื่อของประเทศอีกด้วย ให้ท่านได้ผ่อนคลายอริยบทกับธรรมชาติและสถาปัตยกรรมที่อยู่กันอย่างกลมกลืนและลงตัว
**หากพักที่ฮัลล์ตัทท์ จะพาท่านเที่ยวที่เซ็นท์วูฟกังก่อน แต่หากพักที่เซ็นท์วูฟกัง จะพาท่านเที่ยวฮัลสตัทท์ก่อน** (พีเรียดตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566  ถึง 31 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป หากได้ที่พักที่ฮัลล์ตัทท์ ขอสงวนสิทธิ์พาท่านไปเมืองฮัลล์ตัทท์ โดยไม่แวะที่เมืองเซ้นท์วูฟกังเนื่องจากพระอาทิตย์ตกเร็วกว่าปกติ ท่านจะได้มีเวลาท่องเที่ยวอย่างเต็มที่)
ค่ำ  บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น พร้อมเมนูปลาเทร้าช์
ที่พัก  SCALARAIA / Heritage Hotel Hallstatt หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

วันที่สี่:เชสกี้ครุมลอฟ • ปราก • สะพานชาร์ล  • ย่านเมืองเก่า • นาฬิกาดาราศาสตร์ (เช้า / กลางวัน / เย็น)

เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้น มุ่งหน้าสู่ สาธารณรัฐเช็ก เมืองเช้สกี้ ครุมลอฟ (Cesky Krumlov)ไข่มุกแห่งโบฮิเมียน (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.) เป็นอีกเมืองสวยที่พลาดไม่ได้ด้วยเอกลักษณ์ที่บ้านเรือนมีหลังคาสีส้ม มีแม่น้ำวอลตาว่าพาดผ่านเป็นรูปคล้ายๆ หยดน้ำ ทำให้เกิดภูมิทัศน์ที่งดงาม พาท่านชมปราสาทเช้สกี้ ครุมลอฟ ด้านนอก ปราสาทที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศซึ่งถือว่าใหญ่มากหากเทียบกับขนาดเมืองนอกจากนั้นเมืองนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี 1992 อีกด้วย
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น เมนูเป็ดโบฮีเมี่ยน
จากนั้น นำท่านสู่เมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็กเมืองปราก (Prague)(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.3 ชม.) ชมเสน่ห์ที่หลายคนยกย่องว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดของยุโรปตะวันออกด้วยความเก่าแก่ของสถาปัตยกรรม ยิ่งทำให้ปรากเป็นดั่งเมืองที่ถูกหยุดเวลาไว้นับตั้งแต่ยุคกลาง
นำท่านชมสะพานชาร์ล (Charle Bridge)สะพานหลักสุดคลาสสิคที่โด่งดังที่สุดของเมืองเชื่อมฝั่งเมืองเก่าและเมืองใหม่ที่ถูกแบ่งด้วยแม่น้ำวอลตาว่าเข้าด้วยกัน สะพานแห่งนี้เริ่มก่อสร้างในปี 1357 ใช้เวลาในการสร้างมากกว่า 100 ปีกว่าจะแล้วเสร็จ เดิมทีชื่อว่า Stone Bridge หรือ Prague Bridgeและมาเปลี่ยนชื่อมาเป็นสะพานชาลส์ ในปีค.ศ. 1870 ตัวสะพานมีความยาว 621 เมตร และมีความกว้างเกือบ 10 เมตร  เป็น 1 ในมุมถ่ายรูปที่ท่านต้องไม่พลาดด้วยประการทั้งปวงไม่ไกลกันจะพบกับ ย่านเมืองเก่า (Old Town Square)ที่มีไฮไลท์สำคัญของย่านนี้นั่นคือ การชมนาฬิกาดาราศาสตร์เมืองปรากซึ่ง ถือเป็นนาฬิกาดาราศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังทำงานได้อยู่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1410 ในทุกๆ ต้นชั่วโมงนั้นจะมีตุ๊กตากลพระสาวกพระเยซูทั้ง 12 ท่านปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงระฆัง ตั้งแต่เวลา 09.00 – 21.00 ในทุกวันบริเวณใกล้เคียงยังเป็นที่ตั้งของ โบสถ์ติน Church of Our Lady before Týnถือเป็นโบสถ์หลักของย่านเขตเมืองเก่า สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมันเนสในตอนต้น ก่อนมีการผสมรูปแบบกอธิคในอีก 3 ศตวรรษต่อมา ภายในโบสถ์มีไปป์ออร์แกนที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงปราก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1673
ค่ำ บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
ที่พัก Hotel Duo หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

วันที่ห้า:ปราก • ปราสาทปราก • โบสถ์เซ็นท์วีตัส • ถนน Golden Lane • ปราสาทบราทิสลาวา (เช้า / กลางวัน / เย็น)

เช้า  บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านชม ปราสาทลำดับที่ 1 ของประเทศ ที่ ปราสาทปราก (Prague Castle)มหาปราสาที่สร้างมากว่า 1,200 ปี Guinness World Records ได้บันทึกไว้ว่า เป็นปราสาทโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลกครอบคลุมพื้นที่ถึง 70,000 ตารางเมตร เคยเป็นที่ประทับของบรรพกษัตริย์ของชาวโบฮิเมียน ปัจจุบันใช้เป็นทำเนียบประธานาธิบดี สูงเด่นตระหง่านอยู่บนเขาทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำวอลตาว่า ภายในบริเวณปราสาทนั้นมีสิ่งปลูกสร้างมากมายประหนึ่งเมืองๆ หนึ่ง อาทิ อาสน์วิหารนักบุญวีตัส (St. Vitus Cathedrals)โบสถ์คริสต์แห่งแรกของปราก สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 870 สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่นักบุญวีตัส ผู้สละชีวิตในช่วงยุคโรมันราวปี 303 ก่อนที่พระเจ้าคอนสแตนตินจะประกาศตนเป็นคริสศาสนิกชน โบสถ์ให้นี้ใช้เวลาในการสร้างกว่า 600 ปี ภายในจะประดับด้วยกระจกสีและ Rose Window หน้าต่างที่ออกแบบให้เป็นรูปคล้ายกับดอกกุหลาบ จากนั้นไปชมอีก 1 จุดที่สวยไม่แพ้กัน นั่นคือ ถนนทองคำ (Golden Lane) โดยสาเหตที่ได้ชื่อว่าถนนทองคำนั้น เนื่องจากบริเวณนี้นั้นเป็นที่พำนักของเหล่าช่างทองที่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ลักษณะของบ้านเรือนสีลูกกวาดสดใสและฉูดฉาดที่ท่านจะเห็นในปัจจุบันนั้น มาจากพระราชดำรัสของพระนางมาเรีย เทเรซ่า ที่โปรดบูรณะให้มีความสวยงาม
เที่ยงบริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ บราติสลาวา ประเทศสโลวาเกียมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐสโลวัก (Slovak Republic) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสโลวาเกีย (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม.) ที่เมืองหลวง ให้ท่านแวะถ่ายรูปกับ ปราสาทบราทิสลาว่า (Bratislava Castle) ด้านนอกปราสาทสำคัญของเมือง ในอดีตเคยถูกใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์ฮังการี และเป็นป้อมปราการด่านสำคัญที่ไว้สำหรับป้องกันข้าศึกที่จะมารุกรานอาณาจักรออสเตรีย-ฮังการี ด้วยความได้เปรียบทางด้านยุทธศาสตร์จากการที่ตัวปราสาทตั้งอยู่บนสูง จึงส่งผลให้ท่านจะได้ชมวิวที่สวยงดงามยามเย็นที่แม่น้ำดานูบทอดยาว ปัจจุบันถูกใช้เป็นที่ทำการของรัฐบาล
ค่ำ  บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก Hotel Bratislava Hotel and Congress Centre หรือ เทียบเท่าระดับ 4 ดาว
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

วันที่หก:Fashion Outlet Parndorf • ปูดาเปสต์ • จัตุรัสวีรบุรุษ • สะพานเชน • คาสเทิลฮัลล์ • มหาวิหารเซ็นท์สตีเฟ่น • ล่องเรือแม่น้ำดานูบพร้อมแชมเปญ (เช้า / - / เย็น)

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
จากนั้น นำท่านสู่ Fashion Outlet Parndorfพรีเมี่ยมเอ้าท์เลทที่ให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมอย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า นาฬิกา ก็มีให้ได้เลือกสรร (เอ้าท์เลทปิดวันอาทิตย์ หากโปรแกรมตรงกับวันอาทิตย์ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมเป็น PREMIUM OUTLET BUDAPEST แทน)
***อิสระอาหารกลางวันเพื่อไม่เป็นการรบกวนเวลาของท่าน
จากนั้น นำท่านสู่ เมืองบูดาเปสต์ (Budapest)ประเทศฮังการี อีก 1เมืองงามที่ ถูกขนานนามว่าเป็นปารีสแห่งยุโรปตะวันออก (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม.) ด้วยประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน หล่อหลอมศิลปะ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นและผสมผสานกันอย่างลงตัว แต่เดิมนั้น บูดาเปสต์แบ่งออกเป็น 2 เมือง คือ เมืองบูดา (Buda) และเมืองเปสต์ (Pest) โดย มีบูดาเป็นเขตเมืองหลวง ต่อมาได้มีการขยายเมือง แต่บูดานั้นมีพื้นที่เขาเป็นส่วนมาก ทำให้ขยายเขตเมืองได้ยาก ผิดกับฝั่งเปสต์ ที่เป็นพื้นที่ราบกว้างขวาง ทำให้เกิดการรวมเมืองกัน
นำท่านชม จัตุรัสวีรบุรุษ (Hero Square)อันเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ของเหล่าบรรพชนหัวหน้าเผ่าแม็กยาร์ทั้ง 7 ที่ได้รวมกับสร้างอาณาจักรฮังการีภายใต้การนำของเจ้าชายอาปาร์ด ในปี 896 รวมไปถึงบุคคสำคัญและกษัตริย์ในอดีต ตรงกลางยังมีรูปปั้นเทพแกเบรียล (Gabriel) เทพของกรีกโบราณซึ่งเชื่อกันว่าเป็นอัครทูตสวรรค์ผู้นำสารจากพระเจ้าซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บน Millennium Monument ที่มีความสูงถึง 36 เมตร
ผ่านชม สะพานเชน (Chain Bridge)1 ใน 4 สะพานใหญ่ข้ามแม่น้ำดานูบ ที่มีสัญลักษณ์ที่เป็นจุดเด่นคือรูปปั้นสิงโต
ผ่านชมความงามของกลุ่มอาคารบน คาลเทิล ฮิลล์ (Castle Hill)เนินเขาริมแม่น้ำดานูบอันเป็นที่ตั้งของ พระราชวังบูดา โบสถ์แมนทิอัส และ ป้อมชาวประมง เรียงกันไปตามแนวเขา ปราสาทบูดา (Buda Castle)ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ในปี 1265 ในสมัยของพระเจ้าเบล่าที่ 4 ของราชวงศ์อาปาร์ด สำหรับตัวปราสาทที่ท่านจะเห็นนั้น จะเป็นการสร้างแบบบาโรก ระหว่างปี 1749 และ 1769 ถือเป็นพระราชวังหลวงของพระราชวงศ์ทั้งหมดของฮังการี ปัจจุบันได้ปรับปรุงเป็นหอศิลป์แห่งชาติและพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ พาท่านชมบริเวณโดยรอบของ ป้อมชาวประมง (Fisherman’s Bastion)และ โบสถ์แมนทิอัส Mantius Church) ตัวโบสถ์ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมแบบโรมานเนสส์สร้างตั้งแต่ในปี 1015 และได้รับการบูรณะด้วยศิลปะโกธิคในช่วงศตวรรษที่ 14 ถือเป็น 1 ใน 7 มหาศาสนสถาน ในยุคกลางของฮังการี ท่านจะได้ดื่มด่ำกับวิวของแม่น้ำดานูบและอาคารของฝั่งเปสต์ ที่มีไฮไลท์สำคัญ เด่นตระหง่านกว่าอาคารอื่นๆ นั่นคือ อาคารรัฐสภาของประเทศฮังการี (Hungarian Parliament)
พิเศษ !!!!นำท่าน ล่องเรือดื่มด่ำบรรยากาศที่สวยงามของแม่น้ำดานูบ (DANUBE CRUISE) พร้อมกับเครื่องดื่มสุดพิเศษท่านละ 1 แก้ว (NON ALCOHOL) ชมเมืองที่ได้ชื่อว่างดงามติดอันดับโลกด้วยทัศนียภาพบนสองฝั่งแม่น้ำ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สวยงามและไม่ควรพลาด ท่านจะได้พบอาคารรัฐสภาตั้งโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำดานูบ
ค่ำ  บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคารเมนูกูลาร์ช อาหารท้องถิ่นที่ห้ามพลาด *เป็นซุปเนื้อ หรือ หมู กับมันฝรั่ง เติมรสชาติเอกลักษณ์พิเศษด้วยพริกปราปิก้า
ที่พัก Danubius Hotel Arena หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
(โรงแรมที่นำเสนอเป็นโรงแรมเสนอเบื้องต้นเท่านั้น ชื่อโรงแรมที่ท่านพักทางบริษัทจะทำการแจ้งพร้อมใบนัดหมาย 5-7 วันก่อนเดินทาง ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนที่พัก ไปพักเมืองใกล้เคียงกรณีติดงานแฟร์หรือมีเทศกาล)

วันที่เจ็ด :บูดาเปสต์ • เวียนนา • พระราชวังและสวนเชินน์บรุน • ถนนคาร์ทเนอร์ • สนามบินนานาชาติกรุงเวียนนา (เช้า / กลางวัน / - )

เช้า บริการอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านมุ่งหน้าสู่ กรุงเวียนนา (Vienna)(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.) เมืองหลวงของออสเตรีย และดนตรีคลาสสิค เป็นเมืองที่โมสาร์ทมาพำนักในยุคที่รุ่งเรืองของชีวิต พาท่านเข้าชม พระราชวังและสวนเชินน์บรุน (Palace and Gardens of Schonbrunn)พระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์ฮับส์บวร์ค สร้างแบบบาโรก คำว่าเชินน์บรุน นั้น มีความหมายว่า น้ำพุร้อนอันแสนสวยงาม โดยมีการริเริ่มสร้างในช่วงปี ค.ศ. 1569 ตัวอาคารในปัจจุบันนั้นสร้างและต่อเติมในสมัยของพระนางมาเรีย เทเรซ่า โดยมีพระราชประสงค์ให้มีความยิ่งใหญ่และสวยงามทัดเทียมพระราชวังแวร์ซายน์ของราชวงศ์บูร์บง และด้วยพระองค์ทรงโปรดสีเหลืองมากจึงได้มีการใช้สีเหลืองโทนพิเศษตกแต่ง และต่อมาสีเหลืองโทนนี้นั้นจึงได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่าสีเหลืองเทเรซ่า
เที่ยง  บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น เมนู พิเศษ Sacher Cake เค้กสุดคลาสสิคของเวียนนา
นอกจากนั้นยังมีศาสนสถานที่สำคัญบนถนนแห่งนี้อีกแห่งหนึ่ง คือ อาสนวิหารสเตฟาน (St. Stephen's Cathedral)โบสถ์เก่าแก่ที่อยู่มาตั้งแต่ปี 1160 ตัวอาสนวิหารสร้างด้วยหินปูนมีความยาว 107 เมตร กว้าง 70 เมตร และ สูง 136.7 เมตร มีระฆังทั้งหมด 23 ใบ ใบใหญ่ที่สุดชื่อว่า ระฆังพุมเมริน ที่มีน้ำหนักถึง 20,130 กิโลกรัม ถือเป็นระฆังแบบแกว่งที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรีย และเป็นอันดับ 2 ของยุโรป รองจากระฆังปีเตอร์ ของเยรมันเท่านั้น กล่าวกันว่าบิโทเฟ่นรู้ตัวว่าตนสูญเสียการได้ยิน เพราะว่าเมื่อหันมองไปบนอาสนวิหารแห่งนี้แล้วเห็นนกบินออกจากหอระฆังแต่กลับไม่ได้ยินเสียงระฆังเหมือนเคย จากนั้น พาท่านสู่ ถนนคนเดินแห่งแรกๆ ของยุโรปที่ ถนนคาร์ทเนอร์ (Kartner Street) ที่มีมาตั้งแต่ในสมัยโรมัน เป็น 1 ใน ถนนที่มุ่งสู่กรงโรมในสมัยนั้น เป็นที่รู้จักกันในชื่อของ Strata Carinthianorum ก่อนจะถูกพัฒนามาเป็นถนนสายช้อปปิ้งในช่วงศตวรรษที่ 19 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บ้านเรือนส่วนมากถูกทำลายทางการก็ได้สร้างตึกรามบ้านช่องที่รูปแบบเดิม
นำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติกรุงเวียนนา เพื่อทำการเช็คอิน และทำคืนภาษี (TAX REFUND)
ตั้งแต่เดือน พฤศจิยายน 2566 เป็นต้นไป ไฟล์บินขากลับมีปรับเวลา
ไม่มีผลต่อโปรแกรมเดินทาง เปลี่ยนเวลาบินเป็น 21.55 น.
21.55 น. ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบิน เที่ยวบินที่ EK126**บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง **

วันที่แปด : สนามบินดูไบ • สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ

06.35 น.ถึง สนามบินนานาชาติดูไบให้ท่านผ่อนคลายอริยบทระหว่างรอเวลาเปลี่ยนเครื่อง
09.30 น.  เดินทางสู่อากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ  โดยสายการบินเอมิเรตต์ เที่ยวบินที่ EK 372
18.40 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม

วันเดินทาง

จำนวน

ผู้ใหญ่

เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีพักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน

เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีพักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน
(ไม่เสริมเตียง)

พักเดี่ยวเพิ่ม

21 ม.ค. - 28 ม.ค. 2567

26+1

86,999

86,999

85,999

10,900

16 ก.พ. – 23 ก.พ. 2567

26+1

89,999

89,999

88,999

10,900

04 มี.ค. – 11 มี.ค. 2567

26+1

86,999

86,999

85,999

10,900

31 มี.ค. – 07 เม.ย. 2567

26+1

97,999

97,999

96,999

14,900

07 เม.ย. – 14 เม.ย. 2567

26+1

99,999

99,999

98,999

14,900

09 เม.ย. – 16 เม.ย. 2567

26+1

99,999

99,999

98,999

14,900

10 เม.ย. – 17 เม.ย. 2567

26+1

99,999

99,999

98,999

14,900

12 เม.ย. – 19 เม.ย. 2567

26+1

99,999

99,999

98,999

14,900

13 เม.ย. – 20 เม.ย. 2567

26+1

99,999

99,999

98,999

14,900

28 เม.ย. – 05 พ.ค. 2567

26+1

105,999

105,999

104,999

14,900

Visitors: 120,737