ทัวร์กรุ๊ป 27 ก.ค.–12 ส.ค. 67 Costa Favolosa ล่องเรือสำราญสู่นอร์ธเคป ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน บิน EK : Costa Cruie Europe

รหัสสินค้า : CTX-EH001-GROUP-COSTA FAVOLOSA

ราคา

189,900.00 ฿

จำนวนที่จะซื้อ
ราคารวม 189,900.00 ฿

สินค้าไม่เพียงพอ

สินค้าหมด

ทัวร์กรุ๊ป:ล่องเรือสำราญเที่ยว เยอรมนี นอร์เวย์ 17 วัน 14คืน

ราคา : เริ่มต้น 189,900.-บาท 

เส้นทาง ฮัมบูร์ก•มาลอย •ทรุมเซอ •ฮอนนิงสแวก • นอร์ธเคป •เลกเนส •โลโฟเตน •โบโด •โอเดน•โลเอน •สตาแวงเกอร์ • ฮัมบูร์ก

สายการบิน : Emirates ( EK )

รวม : ที่พักบนเรือ13คืน โรงแรม ฮัมบูร์ก 1 คืน , ตั๋วเครื่องบินไปกลับตามเส้นทาง , รถรับส่งระหว่างสนามบิน-ท่าเรือ พร้อมทัวร์บนฝั่งตามที่ระบุ,ภาษีท่าเรือ,อาหารบนเรือทุกมื้อ,กิจกรรมตามที่ระบุในตั๋วเรือ, ค่าบริการเรือ (Service Fee),พร้อมหัวหน้าทัวร์ร่วมเดินทาง

ไม่รวม : ค่าวีซ่า,ค่าอาหารสั่งพิเศษ,ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ

>>ขอสงวนสิทธิ์หากเรือมีการปรับเปลี่ยนท่าเทียบเรือ ซึ่งทางบริษัทจะทำการแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าต่อไป,โปรแกรมการท่องเที่ยว Shore Excursion ของเรือ อาจมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับการเข้าออกของตารางเดินทางเรือ

**หมายเหตุ:ราคาอาจมีการปรับขึ้น – ลง ตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นลง แต่จะปรับตามความเป็นจริง ที่สายการบินประกาศปรับ และที่มีเอกสารยืนยันเท่านั้น ,กรุณาเช็คที่นั่งว่างก่อนทำการจอง

เดินทาง : 27 กรกฎาคม -12 สิงหาคม 2567

วันเสาร์ที่ 27 ก.ค. 2567:สนามบินสุวรรณภูมิ

23.30 น. หัวหน้าทัวร์รอต้อนรับที่ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 แถว T ประตูทางเข้าที่ 9 เคาน์เตอร์สายการบินเอมิเรตส์ (EK)

วันอาทิตย์ที่ 28 ก.ค. 2567 :สนามบินดูไบ – ฮัมบูร์ก

02.50 น.  บินสู่ สนามบินดูไบ โดยเที่ยวบิน EK 377
06.00 น. ถึง สนามบินดูไบ เพื่อเปลี่ยนเที่ยวบิน
08.45 น. บินสู่ เมืองฮัมบูร์ก (Hamburg) ประเทศเยอรมนี โดยเที่ยวบิน EK 059
13.35 น. ถึง สนามบินฮัมบูร์ก ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 6 ชม.
= ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร =
ชม เมืองฮัมบูร์ก เมืองท่าสำคัญแห่งหนึ่งของยุโรป ซึ่งตัวเมืองติดกับแม่น้ำเอลเบ (Elbe)
ชมภายนอกของ ที่ว่าการเมืองฮัมบูร์ก (Hamburg City Hall) อาคารขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1897 ด้วยสถาปัตยกรรมนีโอเรอเนซองส์ โดดเด่นด้วยหอคอยสูง 112 เมตร ด้านหน้าเป็นลานโล่งซึ่งเป็นสถานที่จัดงานสำคัญต่างๆ ของเมือง
เข้าชม โบสถ์เซนต์ไมเคิล (St. Michael’s church) โบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองฮัมบูร์ก สามารถจุคนได้ถึง 2,500 ที่นั่ง เป็นโบสถ์นิกายโปรเตสแตนต์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเยอรมนี สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่ไมเคิล หัวหน้าทูตสวรรค์ โดดเด่นด้วยยอดสัมฤทธิ์ทรงบาโรกที่มีความสูงถึง 132 เมตร ผ่านการบูรณะซ่อมแซมมาแล้วหลายครั้ง ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองฮัมบูร์ก 
เที่ยวชมบรรยากาศเก่าๆ ที่ ย่านซังห์เพาลี (St. Pauli) ย่านเก่าแก่ของเมือง ซึ่งในปัจจุบันรู้จักกันในชื่อย่านแสงสีแดง (Red-Light District)
ค่ำ  รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
ที่พัก Hotel NH Hamburg Altona 4* หรือเทียบเท่า

วันจันทร์ที่ 29 ก.ค. 2567:ฮัมบูร์ก – COSTA FAVOLOSA

เช้า  รับประทานอาหาร ณ โรงแรมที่พัก
ชม เมืองฮัมบูร์ก (ต่อ)
ชม ถนนประวัติศาสตร์ (Historic Street) เขตเมืองเก่าริมน้ำที่เป็นที่ตั้งของโกดังและอาคารโบราณต่างๆ
ชมความงามของเหล่าอาคารคลังสินค้าที่สร้างขึ้นจากอิฐแดงที่ โกดังชไปเคอชตัท (Speicherstadt) ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (UNESCO) แห่งแรกของเมืองฮัมบูร์ก และเป็นแห่งที่ 40 ของเยอรมนี มีความโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมนีโอโกธิค (Neo-Gothic) และหนึ่งในคลังสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดมีชื่อว่า เคชไปเคอร์ บี (Kaispeicher B) ซึ่งปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์การเดินเรือระหว่างประเทศ
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
14.00 น. เดินทางสู่ ท่าเรือฮัมบูร์ก ซึ่งเป็นท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับสองของสหภาพยุโรปและใหญ่เป็นอันดับ 10 ของโลก  พื้นที่ส่วนใหญ่ของท่าเรือเป็นบริเวณปลอดภาษี
เช็กอินขึ้นเรือสำราญCOSTA FAVOLOSA
20.00 น. เดินทางออกจาก ท่าเทียบเรือฮัมบูร์ก (Hamburg) ล่องสู่น่านน้ำทะเลเหนือ มุ่งสู่ ท่าเรือเมืองมาลอย (Maloy / Måløy)ประเทศนอร์เวย์
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
หลังอาหาร อิสระพักผ่อนตามอัธยาศัยหรือสนุกสนานกับกิจกรรมบนเรือมากมาย
ที่พัก COSTA FAVOLOSA
*** ทางเรือจะมีการจัดกิจกรรมซ้อมขั้นตอนการรักษาความปลอดภัย (Emergency Drill) ผู้โดยสารทุกท่านต้องเข้าร่วมกิจกรรมนี้  ซึ่งใช้เวลาในการซ้อมประมาณ 30 นาที ***  (ขึ้นอยู่กับการจัดการของเรือ)

วันอังคารที่ 30 ก.ค. 2567 :ล่องน่านน้ำทะเลเหนือ

เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
อิสระพักผ่อนบนเรือสำราญ สามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่มีภายในเรือ ทั้งเลือกซื้อสินค้าปลอดภาษีบนเรือ  หรือกิจกรรมต่างๆ ตามประกาศของเรือสำราญ
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ค่ำ  รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ที่พัก COSTA FAVOLOSA

วันพุธที่ 31 ก.ค. 2567: มาลอย (นอร์เวย์)

เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
11.00 น. เรือจอดเทียบท่าที่ เมืองมาลอย (Maloy / Måløy) เมืองท่าและศูนย์กลางการปกครองของเทศบาล Vagsoy ประเทศนอร์เวย์ เมืองมาลอยตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะ Vagsoy มี สะพานมาลอย (The Maloy Bridge) เชื่อมเมืองกับแผ่นดินใหญ่ของนอร์เวย์ อดีตมาลอยเป็นท่าเรือประมงที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของนอร์เวย์ ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการค้าบนเกาะเล็กๆ ที่ชื่อ Moldoen หรือ Maloya บนช่องแคบ Ulvesundet ที่อยู่ระหว่างเกาะ Vagsoy และแผ่นดินใหญ่ เมื่อการค้าเจริญรุ่งเรืองขึ้น เมืองก็ค่อยๆ ย้ายไปที่เกาะ Vagsoy ซึ่งใหญ่กว่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาลอยถูกใช้เป็นป้อมปราการชายฝั่งของเยอรมนี จึงทำให้ชาวเมืองย้ายถิ่นฐานออกไปจากที่นี่เพื่อใช้สถานที่ในการสร้างป้อมปราการ
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
12.30 น. ชมเมืองมาลอย
ชม Kannesteinen Rock ก้อนหินธรรมชาติที่มีรูปร่างคล้ายดอกเห็ดสูง 3 เมตร ที่โผล่ขึ้นมาริมชายฝั่งใกล้เมืองมาลอย ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนตัวของน้ำแข็ง และกระแสคลื่นได้พัดพาก้อนหินจากมหาสมุทรเข้ามาเป็นเวลากว่าพันปี
ถ่ายรูป โบสถ์ Sør-Vågsøyโบสถ์ไม้สีขาวทรงยาว ที่สร้างในปี ค.ศ. 1907 ภายในมีที่นั่งสำหรับผู้มาร่วมพิธีได้ 600 คน
15.00 น. เดินทางกลับขึ้นเรือสำราญ
17.00 น. เรือออกเดินทางสู่ เมืองทรุมเซอ (Tromso / Tromsø) เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในเขตมณฑลทรุมส์ (Troms) ของนอร์เวย์ ตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเลในเขตอาร์กติกเซอร์เคิล บนละติจูดที่ต่ำกว่า 70 องศาเหนือ ทำให้เป็นเมืองที่สามารถเห็นพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ (ขึ้นอยู่กับฤดูกาล) นอกจากนี้ทรุมเซอยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่งการล่าแสงเหนืออีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์บนดินของใครหลายๆ คนเลยทีเดียว
ค่ำ  รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ที่พัก COSTA FAVOLOSA

วันพฤหัสบดีที่ 01 ส.ค. 2567:ล่องน่านน้ำทะเลเหนือ

เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
อิสระพักผ่อนบนเรือสำราญ สามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่มีภายในเรือ ทั้งเลือกซื้อสินค้าปลอดภาษีบนเรือ  หรือกิจกรรมต่างๆ ตามประกาศของเรือสำราญ
กลางวัน  รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ที่พัก COSTA FAVOLOSA

วันศุกร์ที่ 02 ส.ค. 2567: กรุบเซอ (นอร์เวย์)

เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
อิสระพักผ่อนบนเรือสำราญ สามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่มีภายในเรือ ทั้งเลือกซื้อสินค้าปลอดภาษีบนเรือ  หรือกิจกรรมต่างๆ ตามประกาศของเรือสำราญ
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
13.00 น. เรือจอดเทียบท่าที่ เมืองทรุมเซอ (Tromso / Tromsø) เมืองที่โอบล้อมรอบไปด้วยภูเขา มีธรรมชาติอันงดงาม  นอกจากนี้ทรุมเซอยังเป็นเมืองแห่งมหาวิทยาลัยที่อยู่เหนือสุดของโลก โดดเด่นในเรื่องงานวิจัยแสงเหนือและดาราศาสตร์
ขึ้น เคเบิลคาร์ (FjellheisenCable car) สู่ยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) พบกับทิวทัศน์ตระการตาของเมืองทรุมเซอและฟยอร์ดที่อยู่บริเวณใกล้เคียงในมุม 360 องศา
ชม บริเวณย่านใจกลางเมือง ที่มีสถาปัตยกรรมอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะเหล่าอาคารบ้านไม้เก่าแก่ที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันฉูดฉาด
ชม มหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral)วิหารไม้กลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดของนอร์เวย์ เป็นวิหารเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1861 ในศิลปะแบบโกธิค
เข้าชม มหาวิหารอาร์กติก (Arctic Cathedral)มหาวิหารที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1965 ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ มีโครงสร้างที่โดดเด่น โดยได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างมาจากสภาพภูมิทัศน์ในแบบภาคเหนือของนอร์เวย์ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในทรุมเซอและสามารถชมความงดงามของพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้อย่างชัดเจน
ชม บริเวณท่าเรือทรุมเซอ (Tromso harbor) ท่าเรือขนาดใหญ่และเป็นท่าเรือประมงที่มีความสำคัญอีกแห่งหนึ่งของนอร์เวย์ ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 13 โดยสถานที่รอบๆ ท่าเรือสามารถมองเห็นทัศนียภาพของแสงเหนือและพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้อีกด้วย บริเวณใกล้ท่าเรือยังมีร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านของที่ระลึกต่างๆ มากมาย
17.00 น. เดินทางกลับขึ้นเรือสำราญ
ค่ำ  รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
21.00 น.  เรือออกเดินทางสู่ เมืองฮอนนิงสแวก (Honningsvag / Honningsvåg) ดินแดนที่อยู่ทางเหนือสุดของโลก ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของนอร์เวย์บริเวณทะเลน้ำแข็งและเป็นดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืน (Midnight Sun)
ที่พัก COSTA FAVOLOSA

วันเสาร์ที่ 03 ส.ค. 2567 :ฮอนนิงสแวก (นอร์เวย์)

เช้า   รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
10.00 น. เรือจอดเทียบท่าที่ เมืองฮอนนิงสแวก (Honningsvag / Honningsvåg) ท่าเทียบเรือของบรรดาเรือเดินสมุทรในช่วงฤดูร้อน ซึ่งท้องทะเลจะปลอดจากการแข็งตัวเป็นน้ำแข็ง จึงเป็นแหล่งทรัพยากรสำหรับการประมงและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ชม เมืองฮอนนิงสแวก ที่ตั้งอยู่บริเวณอ่าวทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะมาเกโรยา (Mageroya)
กลางวัน  รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
บ่าย เดินทางสู่ นอร์ธเคป (North Cape / Nordkapp) หรือแหลมเหนือ (ระยะทางประมาณ 34 กม.) บริเวณปลายเกาะมาเกโรยา มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน 307 เมตรจากระดับน้ำทะเล ได้รับการตั้งชื่อจากนักสำรวจชาวอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1533 ในขณะที่เขาผ่านจุดนี้เพื่อเดินทางไปค้นหาเส้นทางเดินเรือทางตะวันออกเฉียงเหนือ  หลังจากนั้นนอร์ธเคปก็มีผู้มาเยือนเป็นครั้งคราว ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันได้แก่ พระเจ้าออสกาที่ 2 (King Oscar II) แห่งนอร์เวย์ ในปี ค.ศ. 1873  และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 1907 ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการรบสำคัญที่เรียกชื่อว่า การสู้รบแห่งแหลมเหนือในมหาสมุทรอาร์กติก ณ บริเวณใกล้แหลมเหนือ
เข้าชม ศูนย์นิทรรศการนอร์ธเคป (North Cape Hall) เพื่อชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน (Midnight Sun) ที่ส่องแสงสุกสว่างยามราตรีพร้อมดื่มแชมเปญแกล้มไข่ปลาคาเวียร์เฉลิมฉลองในวาระพิเศษนี้และรับประกาศนียบัตร เพื่อเป็นการระลึกถึงการมาเยือน ณ ดินแดนจุดเหนือสุดของโลกอันน่าประทับใจ
เดินทางกลับ เมืองฮอนนิงสแวก ให้ได้เดินเล่นหรือเลือกซื้อสินค้าที่ระลึก
เดินทางกลับขึ้นเรือสำราญ
ค่ำ   รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
23.00 น.  เรือออกเดินทางสู่ เมืองเลกเนส (Leknes) เมืองเล็กๆ กลางหมู่เกาะโลโฟเตน (Lofoten Islands) ประเทศนอร์เวย์
ที่พัก COSTA FAVOLOSA

วันอาทิตย์ที่ 04 ส.ค. 2567 : ล่องน่านน้ำทะเลเหนือ

เช้า   รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
อิสระพักผ่อนบนเรือสำราญ สามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่มีภายในเรือ ทั้งเลือกซื้อสินค้าปลอดภาษีบนเรือ  หรือกิจกรรมต่างๆ ตามประกาศของเรือสำราญ
กลางวัน  รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ที่พัก COSTA FAVOLOSA

วันจันทร์ที่ 05 ส.ค. 2567 : เลกเนส (นอร์เวย์) – โลโฟเตน – รีน – สโลเวอร์ – โลโฟเตน

เช้า   รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
08.00 น.  เรือจอดเทียบท่า เมืองเลกเนส (Leknes) เมืองเล็กๆ ที่มีประชาชนราว 4,200 คน กลางหมู่เกาะโลโฟเตน บนเกาะเวสต์โวเกยยา (Vestvågøya) ห่างจากเมืองสโลเวอร์ (Svolvær)ไปทางตะวันตกประมาณ 68 กม. เป็นหนึ่งในเมืองไม่กี่เมืองของโลโฟเตนที่ไม่ขึ้นอยู่กับการประมงและไม่มีศูนย์กลางเมืองริมทะเล เลกเนสมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จึงทำให้ไม่หลงเหลือสถาปัตยกรรมไม้แบบดั้งเดิมเหมือนกับเมืองอื่นๆ ส่วนใหญ่ในโลโฟเตน แต่ด้วยสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่งดงามทั้งภูเขา ยอดเขา หน้าผา และหาดทราย ทำให้เลกเนสเป็นเมืองหนึ่งที่งดงามไม่แพ้เมืองอื่น
ชม หมู่บ้านประมงชาวนอร์วีเจียน (Norwegian Fishing Village) ภาพจริงที่ปรากฏอยู่ในโปสการ์ดของโลโฟเตนที่เห็นได้ทั่วไปตามร้านขายของที่ระลึก ภาพหมู่บ้านชาวประมงสีสันสดใสที่มีทิวทัศน์ของเทือกเขาสูงเป็นฉากหลัง เข้าชม พิพิธภัณฑ์ชาวประมงหมู่บ้านออ (Norwegian Fishing Village Museum Å) หมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ ณ จุดสิ้นสุดของถนน E10 หรือที่รู้จักกันในชื่อว่าถนน King Olav V ที่ลากยาวมาจากเมืองทางตอนเหนือของสวีเดนเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ในนอร์เวย์จนถึงหมู่เกาะโลโฟเตน พิพิธภัณฑ์นี้เป็นพิพิธภัณฑ์เปิด (Open Air) ที่เก็บรวบรวมเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประมงในหมู่บ้านนี้ในช่วงปี ค.ศ. 1840-1960  ชมเรื่องราวการจับปลาของชาวเกาะโลโฟเตนที่มีมากว่า 250 ปี ภายในบริเวณเดียวกันนี้ยังประกอบไปด้วย โรงงานเบเกอรี่ที่ใช้เตาหินโบราณตั้งแต่ปี ค.ศ. 1878 เรือบ้าน (Boathouse) เรือไม้ดั้งเดิมที่ชาวนอร์วีเจียนใช้ในการประมง โรบู (Rorbu) บ้านชาวประมงสีแดงสดที่เรียงรายอยู่ริมน้ำ ร้านขายของชำ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1843 ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นแผนกต้อนรับของพิพิธภัณฑ์และยังมีสถานที่อื่นๆ อีกมากมาย
กลางวัน   รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
ชมความน่ารักของ หมู่บ้านรีน (Reine Village)หมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ ถือเป็นหมู่บ้านที่เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของโลโฟเตน ชม สะพานฮัมนอย (Hamnoy Bridge)จุดถ่ายภาพยอดนิยมของตากล้องทั่วโลก ถือเป็นอีกมุมหนึ่งที่ดีที่สุดของการดูแสงเหนือบนเกาะโลโฟเตน เข้าชม พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านไวกิงโลโฟตร์ (Lofotr Viking Village)ที่สร้างขึ้นบริเวณรอบๆ แหล่งที่ขุดพบบ้านของหัวหน้าเผ่าชาวไวกิง ในปี ค.ศ. 1983 นักโบราณคดีได้ขุดพบอาคารขนาดยาวที่หมู่บ้านบอร์ก (Borg) ที่สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี ค.ศ. 500 และถูกทิ้งร้างไปช่วงประมาณปี ค.ศ. 950 ปัจจุบันพื้นที่แห่งนี้ได้รับการขุดและสร้างขึ้นใหม่ตามแบบเดิมคือ อาคารยาวประมาณ 80 เมตรซึ่งเชื่อกันว่าเป็นบ้านของหัวหน้าเผ่าไวกิง ในบริเวณเดียวกันนี้ยังมี โรงตีเหล็ก เรือไวกิงจำลองขนาดจริง และอื่นๆ ให้ได้ดื่มด่ำกับวิถีชีวิตของชาวไวกิงโบราณ  พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงพิพิธภัณฑ์แห่งปี ค.ศ. 2011 ของประเทศนอร์เวย์ และรางวัลพิพิธภัณฑ์ยุโรปแห่งปี ค.ศ. 2013
เดินทางกลับขึ้นเรือสำราญ
ค่ำ   รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
21.00 น. เรือออกเดินทางสู่ เมืองโบโด (Bodo / Bodø) ทางตอนเหนือของเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตนอร์ดแลนด์ (Nordland) และใหญ่เป็นอันดับสองของนอร์เวย์เหนือ
ที่พัก  COSTA FAVOLOSA

วันอังคารที่ 06 ส.ค. 2567 :โบโด (นอร์เวย์)

เช้า  รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
08.00 น. เรือจอดเทียบท่าที่ เมืองโบโด (Bodo / Bodø) หรือที่ในภาษานอร์เวย์อ่านว่าบูเดอร์ (Bodø) หนึ่งในเมืองที่ได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรป 
ชม มหาวิหารประจำเมือง (Bodo Cathedral) สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1956 เป็นวิหารที่ค่อนข้างทันสมัยและมีขนาดใหญ่ที่สุดในเมือง โดดเด่นด้วยหอระฆังสูง 36 เมตร และหน้าต่างตกแต่งอย่างงดงาม เข้าชม พิพิธภัณฑ์การบินนอร์เวย์ (Norwegian Aviation Museum)ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์การบินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแถบนอร์ดิก บนพื้นที่ประมาณ 10,000 ตารางเมตร เป็นสถานที่เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การบิน รวมถึงบทบาทสำคัญของการบินในช่วงสงครามเย็น ภายในจัดแสดงเกี่ยวกับหอควบคุมการบิน เครื่องบินรุ่นต่างๆ รวมถึงเครื่องบินโบราณอีกจำนวนมาก
กลางวัน  รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารไทย
บ่าย   มีเวลาเล็กน้อยในการเดินเล่น เก็บภาพบริเวณท่าเรือ หรือเลือกซื้อของที่ระลึก
เดินทางก่อนกลับขึ้นเรือสำราญ
18.00 น.  เรือล่องสู่ เมืองโอเดน (Olden) เมืองเล็กๆ ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและทะเลสาบของนอร์เวย์
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ที่พัก COSTA FAVOLOSA

วันพุธที่ 07 ส.ค. 2567 :ล่องน่านน้ำทะเลเหนือ

เช้า  รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
อิสระพักผ่อนบนเรือสำราญ สามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่มีภายในเรือ ทั้งเลือกซื้อสินค้าปลอดภาษีบนเรือ  หรือกิจกรรมต่างๆ ตามประกาศของเรือสำราญ
กลางวัน  รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ค่ำ  รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ที่พัก  COSTA FAVOLOSA

วันพฤหัสบดีที่ 08 ส.ค. 2567:โอเดน (นอร์เวย์) – โลเอน – โอเดน

เช้า  รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
08.00 น.  เรือจอดเทียบท่าที่ เมืองโอเดน (Olden) อันมีฉากหลังเป็นภาพของแนวเขาสูง ประปรายไปด้วยธารน้ำแข็ง  อีกเมืองหนึ่งที่สร้างความประทับใจไม่แพ้กัน
นั่ง รถขับเคลื่อน 4 ล้อขนาดเล็ก (Troll Car) ที่ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อให้แล่นไปบนถนนสายแคบๆ ชมความงามของ ธารน้ำแข็งบริกสดาล (Briksdalbreen) ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่เกิดจากการทับถมของหิมะจนหนาถึง 45-60 เมตร แล้วเคลื่อนตัวลงมาอย่างช้าๆ ทำให้เกิดการสึกกร่อนลึกลงไปเนื่องจากความหนักของหิมะ บริกสดาลเป็นธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกับอุทยานแห่งชาติยอสเทอดาล (Jostedalsbreen National Park) ที่นักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกได้ใช้ศึกษาทางด้านธรณีวิทยาและประวัติศาสตร์ตลอดช่วงศตวรรษที่ผ่านมา
กลางวัน  รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
ชม หมู่บ้านโลเอน (Loen) หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมนอร์ดฟยอร์ด (Nordfjord) อันงดงาม ใกล้เมืองโอเดน  ตื่นตากับทะเลสาบสีเทอร์ควอยซ์ ฟยอร์ด และภูเขาอันงดงาม
เดินทางกลับขึ้นเรือสำราญ
17.00 น. เรือออกเดินทางสู่ เมืองสตาแวงเกอร์ (Stavanger) เมืองเก่าแก่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของนอร์เวย์ที่มีอายุมากกว่า 1,000 ปีมาแล้ว เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการเป็นแหล่งน้ำมันและเป็นต้นกำเนิดของปลากระป๋อง นอกจากนี้ยังเป็นประตูสู่ฟยอร์ดที่สวยงามของนอร์เวย์อีกด้วย
ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ที่พัก  COSTA FAVOLOSA

วันศุกร์ดีที่ 09 ส.ค. 2567  :สตาแวงเกอร์ (นอร์เวย์)

เช้า  รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
10.00 น.  เรือจอดเทียบท่าที่ เมืองสตาแวงเกอร์ (Stavanger) ท่าเรือเก่าแก่ตั้งแต่สมัยไวกิงเดินทางมาสำรวจและค้นพบ  อดีตเป็นขุมกำลังที่สำคัญของชาวไวกิงในการควบคุมน่านน้ำ ทำให้อาณาจักรไวกิงเจริญรุ่งเรืองมาก ต่อมาเมื่อทรัพยากรทางทะเลเริ่มหมดลงทำให้เศรษฐกิจของเมืองตกต่ำจนเมื่อมีการค้นพบแหล่งน้ำมันในแถบทะเลเหนือ จึงทำให้เมืองฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง
กลางวัน   รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ชม ย่านเมืองเก่าสตาแวงเกอร์ (Gamle Stavanger) ย่านประวัติศาสตร์เก่าแก่ของเมืองที่ทอดยาวไปตามถนนโบราณที่สร้างจากหินกรวดขนาดใหญ่คดเคี้ยวไปมา ตลอดสองข้างทางจะเป็นอาคารบ้านไม้เก่าแก่ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ชม วิหารประจำเมือง (Stavanger Cathedral) วิหารที่เก่าแก่ที่สุดในนอร์เวย์ บริเวณกลางเมืองสตาแวงเกอร์ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1100 แล้วเสร็จประมาณปี ค.ศ. 1150 ด้วยศิลปะแองโกล-นอร์แมน ต่อมาในปีช่วงศตวรรษที่ 13 ได้เพิ่มเติมศิลปะโกธิคเข้าไป ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมมากที่สุด ชม อนุสาวรีย์สามดาบ (Three Swords Monument หรือ Swords in Rock) ซึ่งมีลักษณะเป็นดาบ 3 เล่ม ที่มีความสูงประมาณ 10 เมตร ปักอยู่บนหินบริเวณเนินเขาเล็กๆ ใกล้กับฟยอร์ด สร้างโดย Fritz Red ประติมากรชาวนอร์เวย์ เพื่อระลึกถึงการต่อสู้ของกษัตริย์ฮารัลด์ แฟร์แฮร์ (Harald Fairhair) ที่รวบรวมนอร์เวย์เข้าไว้ด้วยกันในสมรภูมิฮาฟร์สฟยอร์ด (Hafrsfjord) ในปี ค.ศ. 872 เข้าชม The Iron Age Farm หมู่บ้านจำลองยุคโบราณราวศตวรรษที่ 4-5 ย้อนอดีตสู่ช่วงเวลาที่ผู้คนผลิตของใช้จากเหล็กกล้าและสร้างกำแพงจากหินเพื่อป้องกันความหนาวเย็น การดำเนินชีวิตที่อิงกับธรรมชาติ  พร้อมชมบรรยากาศโดยรอบที่มีทั้งเนินเขา หน้าผา และฟยอร์ดอันงดงาม
เดินทางกลับขึ้นเรือสำราญ
ค่ำ  รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
20.00 น. เรือออกเดินทางสู่เมืองฮัมบูร์ก
ที่พัก  COSTA FAVOLOSA

วันเสาร์ดีที่ 10 ส.ค. 2567 :ล่องน่านน้ำทะเลเหนือ

เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
อิสระพักผ่อนบนเรือสำราญ สามารถร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่มีภายในเรือ ทั้งเลือกซื้อสินค้าปลอดภาษีบนเรือ  หรือกิจกรรมต่างๆ ตามประกาศของเรือสำราญ
กลางวัน   รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ค่ำ  รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
ที่พัก  COSTA FAVOLOSA
หมายเหตุ :  ก่อนเรือกลับเทียบท่าใน เช้าวันถัดไป จะต้องดำเนินการเตรียมตัวเพื่อเช็กเอาต์ออกจากเรือดังนี้

  1. จัดกระเป๋าใบเล็ก สำหรับเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวที่ต้องใช้ในช่วงกลางคืนและเช้าวันถัดไป
  2. จัดกระเป๋าใบใหญ่และวางไว้หน้าห้อง พร้อมผูกป้ายกระเป๋าสีต่างๆ ตามที่เรือกำหนด เจ้าหน้าที่ของเรือจะมาเก็บกระเป๋าใบใหญ่ไปในช่วงกลางดึก (ป้ายกระเป๋าสีต่างๆ นี้จะเป็นตัวกำหนดลำดับการนำกระเป๋าลงจากเรือ)
  3. ชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งรายละเอียดค่าใช้จ่ายจะส่งให้ตรวจเช็กความถูกต้องก่อน (ชาร์จผ่านบัตรเครดิตที่ลงทะเบียนไว้ตอนเช็กอินในวันแรกของการขึ้นเรือโดยอัตโนมัติ  หรือในกรณีที่ไม่มีบัตรเครดิต สามารถชำระด้วยเงินสดได้ โดยทางเรือจะเรียกเก็บมัดจำไว้ล่วงหน้าในวันแรกของการขึ้นเรือ ตามข้อกำหนดของเรือ)

วันอาทิตย์ที่ 11 ส.ค. 2567:ฮัมบูร์ก (เยอรมนี) – ดูไบ

เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารบนเรือสำราญ
08.00 น.  เรือจอดเทียบท่าที่เมืองฮัมบูร์ก
เช็กเอาต์ออกจากเรือสำราญ พร้อมรับกระเป๋าสัมภาระ
กลางวัน  รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารจีน
บ่าย  มีเวลาให้ท่านได้เลือกซื้อของฝาก หรือ ถ่ายรูปเมืองฮัมบูร์กก่อนอำลา
เดินทางสู่ สนามบินฮัมบูร์ก เพื่อเช็กอิน
ค่ำ   อิสระรับประทานอาหาร ตามอัธยาศัย (Cash Back EUR 20)
21.30 น.บินสู่ ดูไบ โดยเที่ยวบิน EK 062

วันจันทร์ที่ 12 ส.ค. 2567 :ดูไบ – สนามบินสุวรรณภูมิ

05.45 น. ถึง สนามบินดูไบ เปลี่ยนเที่ยวบิน
08.50 น.บินสู่ประเทศไทย โดยเที่ยวบินEK 370
18.20 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ

รายละเอียดและค่าบริการ (บาท)

Interior Cabin
ห้องพักไม่มีหน้าต่าง

พักห้องคู่ / เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน

ท่านละ

189,900 บาท

พักห้องเดี่ยว

ท่านละ

243,900 บาท

Balcony Cabin
ห้องพักมีระเบียง

พักห้องคู่ / เด็ก 1 ท่าน พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน

ท่านละ

228,900 บาท

พักห้องเดี่ยว

ท่านละ

321,900 บาท

ค่าวีซ่านอร์เวย์

เพิ่มท่านละ

4,500 บาท

ไม่ต้องการตั๋วเครื่องบิน
(BKK-DXB-HAM-DXB-BKK)

ลดท่านละ

32,000 บาท

อัพเกรดตั๋วเครื่องบิน Business Class
(BKK-DXB-HAM-DXB-BKK)

เริ่มต้นเพิ่ม
ท่านละ

โปรดตรวจสอบ
สามารถยืนยันราคาที่แน่นอนได้
เมื่อทำการจองและที่นั่ง Confirm แล้วเท่านั้น

ค่าทิปพนักงานขับรถ, ไกด์ท้องถิ่น และ หัวหน้าทัวร์

 

รวมในค่าทัวร์แล้ว

ภาษีน้ำมันจากสายการบิน
คำนวณ ณ วันที่ 21 พ.ย. 2566

 

อาจมีการเรียกเก็บเพิ่มเติม
ตามประกาศของสายการบิน ณ ช่วงเวลาที่ออกตั๋วเครื่องบิน

Visitors: 121,531