ทัวร์กรุ๊ปสงกรานต์ 10-19 เม.ย.68 เรือสำราญ Allure of the Seas ล่องเรือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน บินTK เมษายน 2568 :Mediterranean Royal Caribbea

รหัสสินค้า : CTX-H001-TK-10D-ALLURE OF THE SEA

ราคา

159,900.00 ฿

จำนวนที่จะซื้อ
ราคารวม 159,900.00 ฿

สินค้าไม่เพียงพอ

สินค้าหมด

ทัวร์กรุ๊ป : ล่องเรือทะเลเมดิเตอร์เรเนียน Allure of the Seas 

สเปนฝรั่งเศส 8คืน

ราคา : ห้องมีระเบียง 159,900.-บาท

สายการบิน : Turkish Airlines (TK) 

เส้นทาง : บาร์เซโลนา•มาร์กเซย์•ปัลมา เดอ มายอร์กา•คาสติญอง เดอลาพลาน่า•บาเลนเซีย•อลิคานเต้•เมอร์เซีย•แกรนาด้า•รอนด้า•มาลากา 

รวม : ที่พักโรงแรม4 บนเรือ 4 คืน ,ตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศตามเส้นทาง,รถรับส่งระหว่างสนามบิน-ท่าเรือ,ทัวร์บนฝั่งตามที่ระบุ,ภาษีท่าเรือ,ค่าทิปพนักงานบนเรือ, อาหารบนเรือทุกมื้อ,กิจกรรมตามที่ระบุในตั๋วเรือ ,ค่าทิปไกด์ ,**มีหัวหน้าทัวร์ร่วมเดินทาง

ไม่รวม : ค่าวีซ่าเชงเก้น ประมาณ 4,500 บาท,ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่ได้ระบุในรายการ

>>ขอสงวนสิทธิ์หากเรือมีการปรับเปลี่ยนท่าเทียบเรือ ซึ่งทางบริษัทจะทำการแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าต่อไป ,โปรแกรมการท่องเที่ยว Shore Excursion ของเรือ อาจมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับการเข้าออกของตารางเดินทางเรือ

**หมายเหตุ:ราคาอาจมีการปรับขึ้น – ลง ตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นลง แต่จะปรับตามความเป็นจริง ที่สายการบินประกาศปรับ และที่มีเอกสารยืนยันเท่านั้น ,กรุณาเช็คที่นั่งว่างก่อนทำการจอง

เดินทาง : **สงกรานต์ 10-19 เมษายน 2568

10 เม.ย. 2568 : กรุงเทพมหานคร – อิสตันบลู – บาร์เซโลนา

08.30 น.  คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่ เคาน์เตอร์เชคอิน U (แถว U 14-18) ประตูทางเข้าที่ 9 หรือ 10 อาคารผู้โดยสาร เคาน์เตอร์สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
11.20 น.    ออกเดินทางสู่ สนามบินอิสตันบูล (IST) ประเทศตุรกี โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ TK65 (ใช้เวลาบินประมาณ 10.20 ชม.) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินมีบริการอาหารเช้าและอาหารค่ำ ระหว่างเที่ยวบิน
17.40 น.    เดินทางถึงสนามบินอิสตันบูล (IST) ประเทศตุรกี แวะเปลี่ยนเที่ยวบิน
20.15 น.    ออกเดินทางสู่ สนามบินบาร์เซโลนา (BCN)  ประเทศสเปน โดยสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ TK1851 (ใช้เวลาบินประมาณ 3.45 ชม.) สายการบินมีบริการอาหารค่ำ ระหว่างเที่ยวบิน
23.00 น.   เดินทางถึงสนามบินบาร์เซโลนา (BCN) ประเทศสเปน นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Barcelona Airport Hotel / Front Air Congress Hotel**** หรือเทียบเท่า ( Hotel 1 )

11 เม.ย. 2568 : บาร์เซโลนา - มหาวิหารซากราด้า ฟามิเลียร์ – สนามคัมป์นู – ช้อปปิ้งถนนลารัมบลา - ลงเรือสำราญ

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทาง เข้าชมมหาวิหารซากราด้า ฟามิเลียร์ (Sagrada Familia)สัญลักษณ์แห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สูงใหญ่ถึง 170 เมตร ออกแบบก่อสร้างอย่างสวยงามแปลกตา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1882 เป็นผลงานชั้นยอดที่แสดงถึงอัจฉริยภาพของ อันโตนี เกาดี้ สถาปนิกผู้เลื่องชื่อ มหาวิหารแห่งนี้ ตั้งอยู่บนถนน Carrer de Mallorca งานชิ้นนี้มีความแปลกตาจากงาน ชิ้นอื่นของเกาดี้ ตรงสีสันอันเรียบนิ่งแบบโทนสีธรรมชาติให้ความรู้สึกที่สงบผ่อนคลายและเยือกเย็น เพราะความที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และยังคงรายละเอียดไว้อย่างดี ดูจากลวดลายสลักเสลาที่ด้านนอกตัวโบสถ์และภายในแสดงให้เห็นถึงแรงศรัทธาในศาสนาอย่างท่วมท้น สมเป็นงานชิ้นสุดท้ายที่เขาอุทิศตนให้กับศาสนจักร ปัจจุบันมหาวิหารแห่งนี้ยังคงดำเนินการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 2026 อิสระให้ท่านได้บันทึกภาพความยิ่งใหญ่ของมหาวิหารแห่งนี้ นำท่านแวะถ่ายรูปกับสนามฟุตบอลคัมป์นู (Camp Nou) ซึ่งเป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา ตั้งอยู่ที่เมืองบาร์เซโลนา แคว้นกาตาลุญญา ประเทศสเปน เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1954 และเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 1957 มีความจุทั้งสิ้น 99,354 ที่นั่ง ถือเป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดในสเปน และทวีปยุโรป และเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ถนนลารัมบลา (La Rambla)เป็นถนนช้อปปิ้งสายใหญ่ของบาร์เซโลนา ย่านที่มีชื่อเสียงที่สุดของบาร์เซโลนา แหล่งท่องเที่ยวอันเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกวัย ถนนสายเล็กๆ เป็นถนนที่ทอดยาวมาจากจัตุรัส Plaza Catalunya ไปจนสุดท่าเรือ Port Vell ที่มีความยาวเพียง  1.2 กิโลเมตร แต่มีสีสันเสน่ห์น่าประทับใจทั้งกลางวันและกลางคืน อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าและเสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้ง H&M, ZARA, BENETON, TOPSHOP หรือช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำซึ่งมีร้าน ตั้งอยู่ตลอดแนวถนน Passeig de gracia ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าอาทิ LOUIS VUITTON, CHANEL, GUCCI, LOEWE และอื่นๆ อีกมากมาย
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
14.00 น.  นำท่านเดินทางสู่ท่าเทียบเรือบาร์เซโลนา เพื่อเชคอินลงเรือสำราญ Allure of the Seas ( Cruise 1 )
17.00 น.  เรือสำราญออกจากท่าเทียบเรือบาร์เซโลนา เพื่อมุ่งหน้าสู่ท่าเทียบเรือมาร์กเซย์ ประเทศฝรั่งเศส
ท่านสามารถรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม (ชา, กาแฟ) ภายในเรือ ซึ่งมีบริการตลอด 24 ชม. ตามห้อง อาหารต่างๆ โดยเรือจะแจ้งให้ท่านทราบผ่าน Cruise Newsletter ทุกวัน
ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ

12 เม.ย. 2568 : Inside Passage (Cruising)

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
อิสระให้ท่านพักผ่อนบนเรือสำราญหรูตามตามอัธยาศัยท่านสามารถเลือกรับประทานอาหารหรือนั่งเล่นในคลับ เลาจน์ หรือทำกิจกรรมที่มีภายในเรือสำราญมากมายได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นช้อปปิ้งที่ร้านขายสินค้าปลอดภาษีบนเรือ (Duty Free) และส่วนสันทนาการอื่นๆ มากมาย กิจกรรมความบันเทิงอันหลากหลายที่ท่านสามารถเลือกใช้บริการบนเรือสำราญ เช่น
-Public Room   : บาร์และเลาจน์, ห้องสมุด, ห้องอินเตอร์เน็ต
-Entertainment: ชมโชว์พิเศษที่ทางเรือมีจัดแสดง (ไม่ซ้ำกันในทุกค่ำคืน) หรือจะเลือกนั่งเล่นในคลับ เลาจน์ บาร์ต่างๆหลากหลายสไตล์, คาสิโน, ดิสโก้เธค, ห้องเล่นเกม
-Sport and Activities   : สระว่ายน้ำ, สปอร์ทคอร์ท, ฟิตเนต, มินิกอล์ฟ
-Spa and Wellness: ห้องสปา, ห้องสตรีม, บิวตี้ ซาลอน, โยคะ และอื่นๆ อีกมากมาย
ท่านสามารถรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม (ชา, กาแฟ) ภายในเรือ ซึ่งมีบริการตลอด 24 ชม. ตามห้องอาหารต่างๆ โดยเรือจะแจ้งให้ท่านทราบผ่าน Cruise Newsletter ทุกวัน
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ (ท่านสามารถเลือกรับประทานอาหารกลางวันในห้องอาหารที่หลากหลายในเรือสำราญแห่งนี้)
ทางเรือจัดกิจกรรมซ้อมขั้นตอนการรักษาความปลอดภัย ซึ่งต้องขอให้ลูกค้าและผู้โดยสารทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรมนี้ เพื่อเป็นการเตียมตัวในการเดินทางทางเรืออย่างปลอดภัย (เวลาในการซ้อมประมาณ 30 นาที และไม่น่าเบื่อ) จากนั้นอิสระให้ท่านพักผ่อนในเรือสำราญตามอัธยาศัย
**แนะนำ.....ให้ท่านเตรียมชุดว่ายน้ำและรองเท้าผ้าใบเพื่อออกกำลังกายในห้องฟิตเนสซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพภายนอกเรือผ่านกระจกใส
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
หลังอาหาร  อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย หรือสนุกสนานกับกิจกรรมบนเรือมากมาย โดยมีแนวคิด "Seven Neighborhoods” แบ่งเป็นโซนไว้บนเรืออย่างสมบูรณ์แบบ 7 โซนที่ว่านี้ ได้แก่ The Royal Promenade, Central Park, The Boardwalk, Pools and Sports Zone, Vitality of the Sea, Entertainment Place และ Youth Zone
พักบนเรือสำราญ Allure of the Seas ( Cruise 2 )

13 เม.ย. 2568 :มาร์กเซย์ – มหาวิหารน็อทร์ดามเดอลาการ์ด – เมืองเก่าของมาร์เซย์ - ป้อมแซ็งฌอง

เช้า  รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
07.00 น.เรือจอดเทียบท่า ณ ท่าเทียบเรือมาร์กเซย์ ประเทศฝรั่งเศส
นำท่านเดินทางเข้าชมมหาวิหารน็อทร์ดามเดอลาการ์ด (Basilique Notre Dame de la Garde) มหาวิหารคาทอลิกในเมืองมาร์เซย์ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่รู้จักกันดีที่สุดของเมือง สถานที่แสวงบุญวันอัสสัมชัญยอดนิยม เป็นสถานที่ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในมาร์เซย์ สร้างขึ้นบนฐานของป้อมโบราณที่จุดธรรมชาติที่สูงที่สุดในมาร์เซย์ เป็นหินปูนสูง 149 เมตร ที่โผล่ขึ้นมาทางด้านทิศใต้ของท่าเรือเก่ามาร์เซย์ การก่อสร้างมหาวิหารเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2396 และกินเวลานานกว่าสี่สิบปี เดิมทีเป็นการขยายโบสถ์น้อยในยุคกลาง แต่ได้เปลี่ยนเป็นโครงสร้างใหม่ตามคำร้องขอของหลวงพ่อเบอร์นาร์ด อนุศาสนาจารย์ แผนดังกล่าวจัดทำและพัฒนาโดยสถาปนิก Henri-Jacques Espérandieu ได้รับการถวายในขณะที่ยังสร้างไม่เสร็จในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2407 มหาวิหารประกอบด้วยโบสถ์ชั้นล่างหรือห้องใต้ดินสไตล์โรมาเนสก์แกะสลักจากหิน และโบสถ์ชั้นบนสไตล์นีโอไบแซนไทน์ตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสก หอระฆังสี่เหลี่ยมจัตุรัสสูง 41 ม. มีหอระฆังสูง 12.5 ม. ประดับด้านบน รองรับรูปปั้นพระแม่มารีและพระกุมารขนาด 11.2 ม.  ทำจากทองแดงปิดทอง
นำท่านเดินทาง เที่ยวชมเมืองเก่าของมาร์เซย์ (Marseille's Old Town) มาร์เซย์ Panier ของ Marseille (เมืองเก่า) เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ชื่อเล่น "Panier" แปลว่า "ตะกร้า" และมาจากโรงแรมสมัยศตวรรษที่ 17 Le Logis du Panier ซึ่งครั้งหนึ่งเคยตั้งอยู่บน rue du Panier ในปัจจุบัน ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ถนนปูด้วยหินในย่านเมืองเก่าของมาร์เซย์เคยเป็นสวรรค์สำหรับผู้ลี้ภัย อาชญากร และโสเภณี ตลอดจนนักรบฝ่ายต่อต้าน ชาวยิว และคอมมิวนิสต์ แม้ว่าพวกนาซีจะระเบิดบ้าน 1,500 หลังในส่วนล่างของ Panier ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่สิ่งที่เหลืออยู่ในปัจจุบันยังคงเป็นชุมชนที่มีชีวิตชีวาซึ่งมีวิถิชีวิตแบบดั้งเดิม อิสะให้ท่านเดินเล่นและถ่ายภาพเมืองเก่าตามอัธยาศัย
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารไทย
บ่าย  นำท่านเดินทางชมป้อมแซ็งฌอง (Fort Saint Jean) เป็นป้อมปราการในเมืองมาร์เซย์ สร้างขึ้นในปี 1660 โดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ตรงทางเข้าท่าเรือเก่า ตั้งแต่ปี 2013 มีการเชื่อมโยงด้วยสะพานลอยสองแห่งไปยังย่านประวัติศาสตร์ Le Panier และพิพิธภัณฑ์อารยธรรมยุโรปและเมดิเตอร์เรเนียน และยังเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติฝรั่งเศสแห่งแรกที่ตั้งอยู่นอกกรุงปารีส
14.30 น.นำท่านเดินทางกลับสู่ท่าเทียบเรือมาร์กเซย์ ประเทศฝรั่งเศส
16.00 น. เรือออกเดินทางจากท่าเทียบเรือมาร์กเซย์ เพื่อมุ่งหน้าสู่ท่าเรือปัลมา เดอ มายอร์กา ประเทศสเปน
ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
หลังอาหาร  อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย หรือสนุกสนานกับกิจกรรมบนเรือมากมาย
พักบนเรือสำราญ Allure of the Seas ( Cruise 3 )

14 เม.ย. 2568 : ปัลมา เดอ มายอร์กา - มหาวิหารซานฟรานซิสโก เอล กรันเด – พลาซ่าเมเยอร์ - พระราชวังลาอัลมูไดนา

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
09.00 น. เรือจอดเทียบท่า ณ ท่าเทียบเรือปัลมา เดอ มายอร์กา ประเทศสเปน
นำท่านเดินทางเข้าชมมหาวิหารซานฟรานซิสโก เอล กรันเด(Basílica de San Francisco el Grande)เป็นโบสถ์นิกายโรมันคาทอลิกในใจกลางกรุงมาดริด ประเทศสเปน ตั้งอยู่ในย่าน Palacio ด้านหน้าอาคารหลักหันหน้าไปทาง Plaza of San Francisco ที่สี่แยกBailén, Gran Vía de San Francisco และ Carrera de San Francisco โดมมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 33 เมตร และสูง 58 เมตร รูปร่างของมันคล้ายกับโดมของวิหารแพนธีออนมาก โดยมีรูปร่างเป็นทรงกลมมากกว่าโดมทั่วไปที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 มีรายงานว่าเป็นโดมที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ในยุโรป รองจากวิหารแพนธีออน มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ และอาสนวิหารฟลอเรนซ์ จากนั้นนำท่านเดินทาง ชมพลาซ่าเมเยอร์ (Plaza Mayor) เป็นหนึ่งในที่สาธารณะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดใจกลางกรุงมาดริด เมืองหลวงของสเปน เป็นลานกว้างที่โรยด้วยกรวด มีความยาว 129 เมตรและกว้าง 94 เมตร สร้างเสร็จในปี 1619 ในรัชสมัยของพระเจ้าฟิลิปที่ 3 รูปปั้นตรงกลางคือกษัตริย์ฟิลิปที่ 3 บนหลังม้า สร้างโดยฮวน เด โบโลญญา รูปปั้นนี้ถูกย้ายจาก Casa de Campo ไปยัง Plaza Mayor ในปี 1848 ล้อมรอบด้วยระเบียงที่มีคาเฟ่และเฉลียงที่สวยงามและมีผู้คนพลุกพล่าน รวมถึงอาคาร 3 ชั้น ที่ได้รับการออกแบบในสไตล์เมืองเก่าของมาดริด ซึ่งเป็นจตุรัสใจกลางเมือง นับเป็นจุดนับกิโลเมตรแรกของสเปน (กิโลเมตรที่ศูนย์) และยังเป็นศูนย์กลางรถไฟใต้ดินและรถเมล์ทุกสาย นอกจากนี้ยังเป็นจุดตัดของถนนสายสำคัญของเมืองที่หนาแน่นด้วยร้านค้าและห้างสรรพสินค้าใหญ่มากมาย อิสระให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศ และชมความงามของสถาปัตยกรรมอันหรูหราตามอัธยาศัย
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางเข้าชมพระราชวังลาอัลมูไดนา (The Royal Palace of La Almudaina) พระราชวังที่มีป้อมปราการแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 พระราชวังกสร้างขึ้นใหม่โดยพระเจ้าเจมส์ที่ 2 แห่งมายอร์กาและพระเจ้าเจมส์ที่ 3 แห่งมายอร์กา แม้ว่าชั้นบนจะถูกสร้างขึ้นในอีกสองศตวรรษต่อมา ความแตกต่างทางสถาปัตยกรรมระหว่างทั้งสองชั้นนี้สะท้อนให้เห็นรูปแบบศิลปะในการตกแต่งที่สืบทอดกันมาตลอดประวัติศาสตร์ของเกาะด้วย นอกจากนี้เรายังสามารถชื่นชมสไตล์กอทิกที่ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมมุสลิมบางส่วนได้อีกด้วย ปัจจุบันพระราชวัง Almudaina เป็นหนึ่งในที่ประทับฤดูร้อนอย่างเป็นทางการของราชวงศ์สเปน ด้วยเหตุนี้พื้นที่บางส่วนของพระราชวังจึงไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม
16.00 น. นำท่านเดินทางกลับสู่ท่าเทียบเรือปัลมา เดอ มายอร์กา ประเทศสเปน
18.00 น.  เรือออกเดินทางจากท่าเทียบเรือปัลมา เดอ มายอร์กา เพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองคาสติญอง เดอลาพลาน่า (Catellon de la Plana) ประเทศสเปน
ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
หลังอาหาร  อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย หรือสนุกสนานกับกิจกรรมบนเรือมากมาย
พักบนเรือสำราญ Allure of the Seas ( Cruise 4 )

15 เม.ย. 2568 :คาสติญอง เดอลาพลาน่า - โบสถ์ซานตา มาเรีย เดอ ลา อัสซัคชั่น - บาเลนเซีย – หอคอยเซอรานอซ - มหาวิหารซานต้ามาเรีย

05.00 น.เรือจอดเทียบท่า ณ ท่าเรือบาร์เซโลนา
เช้ารับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
08.00 น. นำท่านเชคเอาท์ ออกจากเรือสำราญ
09.00 น. นำท่านเดินทางสู่เมืองคาสติญอง เดอลาพลาน่า (Catellon de la Plana) เป็นเมืองหลักของจังหวัดคาสติญอง ในแคว้นบาเลนเซีย ประเทศสเปน ตั้งอยู่ทางตะวันออกของคาบสมุทรไอบีเรีย ชายฝั่งโกสตาเดลอาซาอาร์ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นเมืองการท่องเที่ยวและการปลูกส้ม หนึ่งในอดีตดินแดนที่ถูกปกครองโดยชาวมัวร์ในอดีต ซึ่งภายหลังถูกขับไล่และปกครองโดยกษัตริย์เจมส์ที่ 1 แห่งราชวงศ์อารากอน ตั้งแต่ปี ค.ศ.1233 เป็นต้นมา
นำท่านเดินทางเข้าชมโบสถ์ซานตา มาเรีย เดอ ลา อัสซัคชั่น (Santa Maria de la Asuncion Church) สร้างขึ้นภายใต้การคุ้มครองของกษัตริย์อัลฟองโซที่ 8 แห่งแคว้นคาสตีลในศตวรรษที่ 13 แต่ถูกเพลิงไหม้ทำลาย โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 15 ในรูปแบบโกธิก แต่เกือบจะถูกทำลายด้วยสงครามในปี 1936 อีกครั้ง ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดจึงเกิดขึ้นในปี 1939 หอระฆังแยกออกจากส่วนหลักของโบสถ์อย่างชัดเจน
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย  นำท่านเดินทาสู่ เมืองบาเลนเซีย (Valencia) (ระยะทาง 74 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศสเปน หนึ่งในเมืองมรดกโลกของประเทศสเปน และยังเป็นที่ตั้งของสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงคือ สโมสรฟุตบอลบาเลนเซีย หรือที่รู้จักกันในนาม ไอ้ค้างคาว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา เมืองบาเลนเซียได้กลายเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์, อุตสาหกรรม, วัฒนธรรม, และการท่องเที่ยวที่มีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศสเปน จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับหอคอยเซอรานอซ (Tower of Serranos) หนึ่งในสิบสองประตูของกำแพงเมืองโบราณเมืองบาเลนเซีย ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงสองประตูเท่านั้น เป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานที่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้ดีที่สุดแห่งหนึ่ง และยังเป็นเส้นแบ่งระหว่างเขตเมืองเก่าและเมืองใหม่ด้วย นำท่านเดินทางเช้าชมมหาวิหารซานต้ามาเรีย (Santa Maria Cathedral)มหาวิหารที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางจตุรัสมารีอาในเมืองเก่าที่ถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าอาคารสำคัญๆมากมาย สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1238 เป็นสไตล์ผสมผสานระหว่างโรมาเนสก์, เรเนซองส์, นีโอคลาสสิก, และบาร็อคเข้าด้วยกัน ด้านในตัววิหารจะมีรูปวาดบอกเล่าเรื่องราวของพระเยซู ซึ่งวาดขึ้นโดยศิลปินชื่อดังจากกรุงวาติกัน ฟรานเชสโก้ โกย่า นอกจากนี้ แก้วน้ำที่พระเยซูใช้ใน The Last Supper ก็ถูกเก็บไว้ในมหาวิหารนี้ด้วย ส่วนด้านข้างวิหารจะเป็น เอล มิกูเลต (El Miguelete) หอระฆังที่ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ.1381 ติดกันเป็นโบสถ์แม่พระ นักบุญอุปถัมถ์ประจำเมือง ตลอดสองข้างทางมี  ภัตตาคาร, บาร์, ร้านกาแฟ  และร้านขายของที่ระลึกมากมาย กลางจตุรัสจะมีน้ำพุผู้หญิง 8 คน และรูปปั้นผู้ชายอยู่ตรงกลาง ซึ่งหมายถึงคลองทั้ง 8 และแม่น้ำ 1 สายซึ่งอยู่รายล้อมเมืองนี้นั่นเอง
ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านเข้าพักสู่โรงแรมที่พัก  AC Hotel Valencia / NH Las Artes Hotel**** หรือเทียบเท่า ( Hotel 2 )

16 เม.ย. 2568 : อลิคานเต้ – ป้อมปราการซานต้าบาห์บาร่า – วิหารซานนิโคลัส – เมอร์เซีย – มหาวิหารซานต้ามาเรีย – แกรนาด้า

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอลิคานเต้ (Alicante)(ระยะทาง 164 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) เมืองท่าตากอากาศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในแวดวงท่องเที่ยวของชาวยุโรป เมืองนี้นอกจากจะมีหาดทรายขาวตลอดฝั่งแล้ว ยังมีร้านอาหาร, ผับ, บาร์ที่เปิดให้บริการ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและชาวเมืองให้มาใช้บริการได้เป็นอย่างดี แต่กระนั้นอาคารบ้านเรือนก็ยังคงความคลาสสิคของสถาปัตยกรรมในอดีตเยี่ยงกรีกและโรมันไว้อย่างไม่เสื่อมคลาย นำท่านเดินทางสู่ยอดเขา Benacantil ที่ความสูง 166 เมตร นำท่านแวะถ่ายรูปกับป้อมปราการซานต้าบาห์บาร่า (Santa Barbara Fortress) อดีตปราสาทและป้อมปราการที่สร้างขึ้นโดยชาวไอบีเรี่ยนใน ศตวรรษที่ 9 ซึ่งปกครองเมืองอลิคานเต้มายาวนานกว่า 400 ปี จนกระทั่งถูกยึดครองโดยกษัตริย์อัลฟองโซ่แห่งแคว้นคัสติลย่า และถูกยึดครองผลัดเปลี่ยนมือมาหลายยุคสมัยโดยกองทัพฝรั่งเศส, สเปน, และอังกฤษ จนกระทั่งถูกแปลงมาใช้เป็นคุกสำหรับจองจำนักโทษในศตวรรษที่ 18 เนื่องจากผนังของหนึ่งในอาคารมีความหนาถึง 3 เมตรเลยทีเดียว และปัจจุบันป้อมปราการนี้ได้เปิดเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยงแก่สาธารณชนในที่สุด อิสระให้ท่านถ่ายรูปบนยอดป้อมปราการซึ่งสามารถเห็นเมืองอลิคานเต้ได้รอบด้าน 360 องศาเลยทีเดียว ได้เวลานำท่านนำท่านเดินทางเข้าชมวิหารซานนิโคลัส (San Nicolas Auxilary Cathedral) วิหารโรมันคาทอลิคซึ่งถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1613 ซึ่งสร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่นักบุญเซนต์นิโคลัส ตัวอาคารจะมีความหนาค่อนข้างมากเนื่องจากมีจุดประสงค์เพื่อไว้เป็นหนึ่งในอาคารหลบภัยสำหรับชาวเมืองในช่วงกลียุคที่เมืองอลิคานเต้ถูกรุกรานโดยโจรสลัด
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย  นำท่านเดินทางสู่ เมืองเมอร์เซีย (Murcia) (ระยะทาง 84 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เมืองสำคัญทางตะวันออกเฉียงใต้ของสเปน นับเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 7 ของประเทศสเปน นำท่านเดินทางเข้าชมมหาวิหารซานต้ามาเรีย (Santa Maria Cathedral) มหาวิหารซึ่งถูกสร้างขึ้นตาม พระราชประสงค์ของกษัตริย์เจมส์ที่ 1 ผู้พิชิต เพื่ออุทิศแก่พระแม่มารี โดยมหาวิหารแห่งนี้ถูกสร้างต่อเติมจากสุเหร่าในปี ค.ศ. 1385 เนื่องจากกษัตริย์เจมส์ไม่ประสงค์ที่จะให้ชาวคริสต์ทำลายสุเหร่าหลังจากที่คริสตศาสนิกชนเข้าปกครองสเปนทางตอนใต้แทนชาวมุสลิมหรือแขกมัวร์ การต่อเติมเสร็จสิ้นลงในปี ค.ศ.1467 แต่ตัววิหารเองก็ยังมีการถูกต่อเติมเพิ่มอีกในสไตล์โกธิคและบาร็อคจนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์ลงในศตวรรษที่ 18 จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองแกรนาด้า (Granada) (ระยะทาง 279 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.) ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาเซียร์ราเนวาดา (Sierra Nevada Mountains) ตรงบริเวณที่แม่น้ำดาร์โร (Darro) และแม่น้ำเฮนิล (Genil) มาบรรจบกัน ตัวเมืองตั้งอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 738 เมตร จากระดับน้ำทะเล นอกจากนี้แล้วเมืองแกรนาด้ายังเป็นที่รู้จักกันดีในสเปนเนื่องจากเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยแกรนาด้าอันทรงเกียรติ ซึ่งจริงๆแล้วกล่าวกันว่าเมืองนี้เป็นหนึ่งในสามเมืองที่ดีที่สุดสำหรับเหล่านักศึกษา (อีกสองเมืองคือซาลามังกาและซานตีอาโก เดกอมโปสเตลา)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hotel Catalonia Granada **** หรือเทียบเท่า  ( Hotel 3 )

17 เม.ย. 2568 : พระราชวังอาลัมบรา - อาสนวิหารกรานาดา – โบสถ์หลวงแห่งกรานาดา - รอนด้า

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางเข้าชมพระราชวังอาลัมบรา (Alhambra Palace) พระราชวังและป้อมปราการ ตั้งอยู่ที่เมืองกรานาดาในแคว้นอันดาลูซิอา ทางภาคใต้ของประเทศสเปน สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1248-1354 โดยกษัตริย์มุสลิมชาวมัวร์ สุลต่านมุฮัมมัดที่ 1 อิบน์ นัสร์แห่งราชวงศ์นาสริด ซึ่งเป็นราชวงศ์ของชาวมุสลิมราชวงศ์สุดท้ายในสเปน ในอดีตชาวเมืองแกรนาด้าเคยเรียกกันว่า "ปราสาทแดง" (Red Castle) เนื่องจากตัวป้อมปราการนั้นก่อสร้างด้วยหิน ดิน และอิฐสีแดง ปัจจุบันได้รับการรับรองจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1984 สถาปัตยกรรมของพระราชวังอาลัมบรามีความโดดเด่นด้วยลายแกะสลักอย่างละเอียดและประณีต ทั้งผนัง เสา เพดาน โค้งซุ้มประตูต่างๆ นับเป็นงานศิลป์ชั้นยอดของชาวมัวร์ในยุคนั้น อาลัมบราถือเป็นผลงานชิ้นเอกของสถาปัตยกรรมมัวร์ แม้อาลัมบราจะมีที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง แต่ก็มีระบบการจัดการเกี่ยวกับน้ำที่ดี มีการทำคูคลองส่งน้ำจากด้านล่างขึ้นมายังพระราชวังเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาด้านการชลประทานของชาวมัวร์ได้เป็นอย่างดี บริเวณโดยรอบประกอบด้วย ราชวังทั้งหมด 3 ส่วนด้วยกัน คือ Nazarius, Carlos V, และ Alkazabra นำท่านเดินทางเข้าชม Nazarius ห้องโถงกลางซึ่งถูกสร้างขึ้นจากหินธรรมชาติทั้งหมด ถูกใช้เป็นสถานที่จัดการแสดงและคอนเสิร์ตทั้งหลาย เนื่องจากเสียงที่ขับร้องออกมาจากห้องโถงนี้จะดังกังวาลและไพเราะเป็นพิเศษกระทั่งคนสเปนถึงกับขนานนามว่าเป็น The Best Acoustic Ancient Place of the world นำท่านเดินทางเข้าชม Alkazabra ราชวังสไตล์อาหรับอิสลามซึ่งถูกสร้างขึ้นจากวัตถุดิบตามธรรมชาติซึ่งขนส่งมาจากประเทศเลบานอน ศิลปะลวดลายการตกแต่งกระเบื้องเซรามิคด้านในตัวอาคารมีความสวยงามมาก นำท่านเข้าชม Throne Room ห้องประชุมของสุลต่านในอดีต ประกอบด้วย Chamber จำนวน 9 ห้อง สำหรับ Minister ทั้ง 9 คน  ด้านบนเพดานสลักเป็นลวดลายสวยสดงดงาม และเหนือเพดานขึ้นไปเป็นห้องพำนักของสุลต่านและภรรยาทั้งสี่ อาคารตรงข้าม Throne Room เป็นฮาเร็มสำหรับนางสนมของสุลต่าน ส่วนด้านซ้ายเป็น Palace of Lion สถานที่สำหรับจัด Private Event ของสุลต่าน, ครอบครัวสุลต่าน, และสหายคนสนิทของท่าน ด้านในจะมีห้อง Chamber ซึ่งเป็นห้องเดียวที่มีกระจกสี หรือที่เรียกว่า Stain Glass หลงเหลืออยู่
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางเข้าชมอาสนวิหารกรานาดา (Catedral de Granada)โบสถ์นิกายโรมันคาทอลิกในเมืองกรานาดา เมืองหลวงของจังหวัดที่มีชื่อเดียวกันในเขตปกครองตนเอง แห่งเมืองอันดาลูเซีย ประเทศสเปน อาสนวิหารแห่งนี้เป็นที่ตั้งของอัครสังฆมณฑลกรานาดา เช่นเดียวกับมหาวิหารอื่นๆ อีกหลายแห่งในอันดาลูเซีย มันถูกสร้างขึ้นบนมัสยิดหลักของเมืองหลังจากการพิชิตกรานาดาขึ้นใหม่ จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปโบสถ์หลวงแห่งกรานาดา (Royal Chapel of Granada) เป็นอาคารสไตล์อิซาเบลลีนในเมืองกรานาดา ประเทศสเปน สร้างขึ้นระหว่างปี 1505 ถึง 1517 แต่เดิมได้รวมเข้ากับอาคารของอาสนวิหารกรานาดาที่อยู่ใกล้เคียง เป็นสถานที่ฝังศพของกษัตริย์สเปน สมเด็จพระราชินีอิซาเบลลาที่ 1 และกษัตริย์เฟอร์ดินันด์ พระมหากษัตริย์คาทอลิก นอกเหนือจากการเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ อาคารหลังนี้ยังมีแกลเลอรีงานศิลปะและสิ่งของอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมเด็จพระราชินีอิซาเบลลา ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองรอนด้า (Ronda)(ระยะทาง 178 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) เมืองเก่าแก่ที่อยู่ในชุมชนอิสระเล็กๆแห่งแคว้นแอนดารูสเซีย มีประชากรเกือบ 4 หมื่นคน ปัจจุบันเป็นเมืองมีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของสเปน และมีประวัติศาสตร์น่าสนใจนับตั้งแต่การค้นพบทางโบราณคดีว่าเมืองนี้อยู่ในยุคนีโอลิทิค ตั้งบนที่ราบสูงและมีแม่น้ำเอลทาโจไหลผ่านหุบเขาที่มีชื่อเดียวกัน โดยมีสะพานที่มีชื่อเสียงชื่อว่า ปูเอนเต้นูโว (Puente Nuevo) สร้างในศตวรรษที่ 18 พาดเชื่อมหุบเขาเอาไว้
ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Novotel Hotel Ronda/ Maestranza Hotel Ronda **** หรือเทียบเท่า   ( Hotel 4 )

18 เม.ย. 2568 :รอนด้า – บูลริงมิวเซี่ยม – สะพานปูเอนเต้นูโว

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางเข้าชมบูลริงมิวเซี่ยม (Bull Ring Museum) สนามประลองระหว่างมาธาดอร์และวัวกระทิง สร้างขึ้นในยุคศตวรรษที่ 18 โดยภายในสนามสามารถจุผู้ชมได้ถึง 5,000 คนด้วยกันภายในพิพิธภัณฑ์ได้บอกเล่าประวัติความเป็นมาของสองตระกูลนักสู้วัวกระทิงแห่งเมืองรอนด้า คือ ครอบครัวโรเมโร่ (Romero) และออร์โดนอส (Ordonoz) เมืองรอนด้าจะมีประเพณีการแสดงต่อสู้กับวัวกระทิงเพียงปีละสองครั้งเท่านั้น ซึ่งจัดขึ้นในวันศุกร์และเสาร์แรกของเดือนกันยายน วัวกระทิงที่เข้าประลองการต่อสู้กับมาธาดอร์จะมีอายุอยู่ที่ประมาณ 4 ปี และมีน้ำหนักตัวเฉลี่ยที่ 500 กิโลกรัมเลยทีเดียว นำท่านเดินทางชมสะพานปูเอนเต้นูโว (Puente Nouvo) สะพานยุคศตวรรษที่ 18 ใช้เวลาสร้างกว่า 42 ปีด้วยกัน ซึ่งเชื่อมเมืองทั้งสองฝั่งของสะพานไว้ด้วยกันโดยฟากหนึ่งเป็นย่านเมืองเก่าของชาวมัวร์มีตึกเก่าแก่ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และเป็นที่ตั้งของ พระราชวังของกษัตริย์ชาวมัวร์อีกด้านหนึ่งของแม่น้ำอยู่อาศัยโดยชาวคาทอลิค และหากมองจากมุมสูงลงไปยังพื้นที่เบื้องล่างจะทำให้เห็นความต่างได้อย่างชัดเจน โดยด้านบนเป็นเมืองเก่าแก่มีร่องรอยวัฒนธรรมมากมาย ขณะที่พื้นที่ราบด้านล่างเป็นพื้นที่เกษตรกรรม อิสระให้ท่านถ่ายรูปกับสะพานปูเอนเต้นูโวยามพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
14.00 น.  นำท่านเดินทางสู่สนามบินเมืองมาลากา (Malaga)(ระยะทาง 105 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.35 ชม.)
15.30 น.  นำท่านเชคอินเคาน์เตอร์สายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส
18.00 น.   ออกเดินทางสู่สนามบินอิสตันบูล โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK1306 (ใช้เวลาในการเดินทาง 4.25 ชม.) สายการบินมีบริการอาหารค่ำ ระหว่างเที่ยวบิน
23.25 น.  เดินทางมาถึงสนามบินอิสตันบูล เพื่อแวะเปลี่ยนเครื่อง  

19 เม.ย. 2568 :อิสตันบูล - กรุงเทพมหานคร

01.35 น.  ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK68 (ใช้เวลาในการเดินทาง 9.50 ชม.) สายการบินมีบริการอาหารค่ำและอาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบิน
15.25 น.เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE)

อัตราค่าบริการ

10-19 เมษายน 2568

ราคาผู้ใหญ่ (พักห้องคู่ Balcony Cabin) ท่านละ

159,900

พักเดี่ยวเพิ่ม ท่านละ

45,000

เด็กอายุ 2-11 ปี พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน ท่านละ

153,900

ชั้นธุรกิจเพิ่มเงินจากราคาทัวร์ เริ่มต้นที่ท่านละ
(Business class เพิ่มเงินจากราคาทัวร์ ราคานี้มีเพียง 10 ที่นั่งเท่านั้น)

100,000 – 180,000

ไม่เอาตั๋วเครื่องบินหักค่าใช้จ่าย (ผู้ใหญ่) 
(ไม่รวมตั๋ว BKK-IST-BCN//AGP-IST-BKK)

38,000

Visitors: 143,268