ทัวร์อิตาลี ก.พ.-ต.ค.69 บิน TG 10วัน 7คืน เที่ยว โดโลไมท์ มิลาน เจนัว,พอร์โตฟิโน่,ซานต้า มาการิต้า,ชิงเกว แตร์เร,ลาสเปเซีย,ทัชคานีลุคก้า,ฟลอเรนซ์,เซียน่า ,ซานมาริโน,เซอร์มิโอเน:ยุโรปสงกรานต์2569

รหัสสินค้า : CJN-H002TG-10D-ITA-TUS-DLM

ราคา

139,900.00 ฿

จำนวนที่จะซื้อ
ราคารวม 139,900.00 ฿

สินค้าไม่เพียงพอ

สินค้าหมด

มนเสน่ห์อิตาลีเหนือกาลเวลาเส้นทางสุดคลาสสิก 

เที่ยวครั้งเดียวได้ครบทุกอารมณ์ ชมเมืองสวย ภูเขางาม วิวหลักล้าน

อิตาลี ทัชคานี ซานมาริโน โดโลไมท์ 10 วัน

ราคา:เริ่มต้น 139,900-บาท

**รวมค่าวีซ่าเชงเก้น และ รวมทิปทุกอย่างแล้ว

โดยสายการบิน : Thai Airways (TG)

มิลาน (อิตาลี) • เจนัว • พอร์โตฟิโน่ •ซานต้า มาการิต้า• ชิงเกว แตร์เร •ลา สเปเซีย •ลุคก้า•ฟลอเรนซ์ ซานจิมิกนาโน •เซียน่า •จัตุรัสคอมโพ •มอนเตปูลเชียโน่ • เปรูจา •ซานมาริโน •โบโลญญ่า •เทือกเขาโดโลไมท์ •กอร์ตีนาดัมเปซโซ •เซอร์มิโอเน• แบร์กาโม •มิลาน  

เดินทาง กุมภาพันธ์ - ตุลาคม 2569,**สงกรานต์ 12-21 เมษายน 2569

หมายเหตุ ; โปรแกรมหน้าเวปไซด์เป็นรายการที่จัดทำล่วงหน้ากรุณาตรวจสอบและเชคที่นั่งว่างก่อนทำการจองทุกครั้ง

วันแรก:กรุงเทพมหานคร

21.30 น.   คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่ เคาน์เตอร์เช็คอิน สายการบินไทย อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 ณ สนามบินสุวรรณภูมิ

วันที่สอง :มิลาน (อิตาลี) - เจนัว - ปิอัซซ่า เดอ เฟอร์รารี่ – พอร์โตฟิโน่ - ซานต้า มาการิต้า

00.35 น.  ออกเดินทางสู่สนามบินมิลาโนมัลเปนซา (MXP) ประเทศอิตาลี โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG940 (ใช้เวลาบินประมาณ 12.35 ชม.) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินมีบริการ อาหารค่ำ และ อาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบิน
07.10 น.  เดินทางถึงสนามบินมิลาโนมัลเปนซา (MXP) ประเทศอิตาลี นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่านเดินทางสู่เมืองเจนัว (Genoa) (ระยะทาง 186 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.10 ชม.) เป็นศูนย์กลางการคมนาคมในแคว้นลิกูเรีย และทวีปยุโรป และเป็นส่วนหนึ่งของอิตาเลียนริเวียร่า มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายทั้งทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และธรรมชาติ  เพราะมีทั้งสนามบิน ท่าเรือจอดเรือยอชท์และเรือสำราญ และรถไฟ รถบัส ที่เชื่อมต่อหลายเมืองในยุโรป และเป็นบ้านเกิดของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักสำรวจชาวอิตาเลียน ผู้ค้นพบทวีปอเมริกา นำท่านชมปิอัซซ่า เดอ เฟอร์รารี่ (Piazza de Ferrari) เป็นจัตุรัสใจกลางเมืองเจนัว ประเทศอิตาลี ที่มีชื่อเสียงจากน้ำพุขนาดใหญ่อยู่กลางจัตุรัส ท่านสามารถเพลิดเพลินกับบรรยากาศของจัตุรัส ชื่นชมอาคารสำคัญๆ เช่น โรงละคร Teatro Carlo Felice และ Palazzo della Regione หรือใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการสำรวจเมือง เช่น เดินเล่นในถนนช้อปปิ้ง Via XX Settembre หรือย่านเมืองเก่า
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย   นำท่านเดินทางสู่พอร์โตฟิโน่ (Portofino) (ระยะทาง 47 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เป็นเมืองชายฝั่งทะเลเล็กๆที่แสนสวยงาม อยู่ทางตะวันตกของอิตาลี โดยมีลักษณะเป็นอ่าวเล็กๆกลางเมืองที่มีเรือ Yacht หลายลำจอดเรียงรายอยางเป็นระเบียบอยู่ท่ามกลางน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้ม ตัดกับสีสันสดใสของตัวอาคารที่รายล้อมอยู่ เป็นภาพอันสวยงามโดดเด่นของเมืองนี้ จากนั้นนำท่านชมซานต้า มาการิต้า (Santa Margherita Ligure) เป็นเมืองชายฝั่งที่สวยงามและมีระดับ ตั้งอยู่ระหว่างเมือง Rapallo และ Portofino ในแคว้น Liguria ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี เมืองนี้ได้รับขนานนามว่าเป็น "ไข่มุกแห่งอ่าว Tigullio" (Pearl of the Gulf of Tigullio) โดดเด่นด้วยท่าเรือที่หรูหรา วิลล่าสไตล์ลิเบอร์ตี้ที่เรียงรายริมทางเดินเลียบชายหาด อิสระให้ท่านเพลิดเพลินกับการเดินเล่นไปตามทางเดินที่ประดับด้วยต้นปาล์ม เลือกซื้อสินค้าแฟชั่นอิตาลีและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น
ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Best Western Hotel Regina Elena **** หรือเทียบเท่า

วันที่สาม : ชิงเกว แตร์เร - หมู่บ้านมอนเตโรสโซ อัล มาเร – หมู่บ้านเวร์นาซซา – ถนนแห่งความรัก - ลา สเปเซีย

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ชิงเกว แตร์เร (Cinque Terre) ด้วยรถไฟ (ระยะทาง 70 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชม.) ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติอันกว้างใหญ่และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การ UNESCO หมู่บ้านต่างๆ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และมีถนนเพียงเส้นเดียวที่จะไปถึง ซึ่งยิ่งแคบลงเรื่อยๆ ตลอดเส้นทาง เต็มไปด้วยทางโค้งหักศอก ในอดีตเมืองเหล่านี้เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่ใช้เส้นทางเดินเรือเพื่อเข้าหมู่บ้านเท่านั้น ประกอบด้วยหมู่บ้านประมง 5 แห่ง ที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน คือ มองเตรอสโซ่ อัล เมร์ (Monterosso al Mare) คอร์นิเกลีย (Corniglia) เวอร์นัสซ่า (Vernazza) รีโอมัคกีโอเร่ (Riomaggiore) มานาโรล่า (Manarola) ที่สร้างเรียงรายอยู่บนหน้าผาริมทะเล งดงามด้วยบ้านเรือนสีสันสวยงาม และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกโดย UNESCO ในปี 1997 และเป็นอุทยานแห่งชาติที่เก่าแก่ที่สุดในอิตาลี นำท่านชมหมู่บ้านมอนเตโรสโซ อัล มาเร (Monterosso al Mare) เป็นหมู่บ้านชายฝั่งทะเลที่ใหญ่ที่สุดและมีชายหาดกว้างที่สุดในบรรดาหมู่บ้านทั้งห้า และบรรยากาศแบบเมืองตากอากาศ หมู่บ้านแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก ได้แก่ ส่วนเมืองเก่า (Old Town) และส่วนเมืองใหม่ (Fegina) ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยอุโมงค์สั้นๆ นำท่านชมหมู่บ้านเวร์นาซซา (Vernazza) (ระยะทาง 21 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที)  เป็นหนึ่งในห้าหมู่บ้านชาวประมงที่มีชื่อเสียงระดับโลกของเขตชิงเคว เทเร (Cinque Terre) ในแคว้นลีกูเรีย (Liguria) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิตาลี หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น "ราชินีแห่งชิงเคว เทเร" และเป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยงามและโรแมนติกที่สุดในบรรดาหมู่บ้านทั้งหมด
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางชมถนนแห่งความรัก (Via Dell’Amore) (ระยะทาง 17 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) เส้นทางเดินเลียบหน้าผาที่สวยงาม มีความยาวประมาณ 1 กม. และมีชื่อเสียงในอุทยานแห่งชาติซิงเกวแตร์เร ประเทศอิตาลี ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างหมู่บ้านรีโอมัคกีโอเร่ (Riomaggiore) และหมู่บ้านมานาโรล่า (Manarola) ชมบ้านเรือนสีสันสวยงามริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพลิดเพลิน อย่างจุใจกับการเดินชมเมืองริมทะเลแสนสวย ถ่ายรูปกับบ้านสีสันสดใส และเพลิดเพลินกับอาหารและเครื่องดื่ม เลือกซื้อสินค้าของที่ระลึก และสามารถถ่ายภาพวิวแบบพาโนรามาได้ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่นำท่านเดินทางสู่เมืองลา สเปเซีย (La Spezia) (ระยะทาง 17 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) เป็นเมืองท่าที่สำคัญและเป็นประตูสู่หมู่บ้านทั้ง 5 ของชิงเกว เตเร ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก
ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hotel NH La Spezia **** หรือเทียบเท่า

วันที่สี่: ลุคก้า – หอคอยกินิจิ - จัตุรัสปีอัซซ่าเดลล์อันฟิเตอาโตร – ฟลอเรนซ์ – มหาวิหารดูโอโมแห่งฟลอเรนซ์ – เปียซซาเดลลาซิญญอเรีย - สะพานเวคคิโอ

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองลุคก้า (Lucca) (ระยะทาง 78 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.10 ชม.) นำท่านชมเมืองลุคก้า (Lucca) เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมในแคว้นทัสกานี ประเทศอิตาลี จุดเด่นของเมืองคือมีกำแพงเมืองโบราณล้อมรอบ ซึ่งยังคงสภาพที่สมบูรณ์อยู่ มีความยาว 4.2 กิโลเมตร และมีความกว้างเกือบ 20 เมตร ถูกเปลี่ยนให้เป็นสวนสาธารณะที่เรียงรายด้วยต้นไม้ใหญ่ ท่านสามารถเช่าจักรยานเพื่อปั่นชมวิวรอบเมืองเก่าได้ นำท่านแวะถ่ายภาพกับหอคอยกินิจิ (Guinigi Tower) มีสวนโอ๊คสีเขียวปลูกอยู่บนยอดหอคอยสูง 44 เมตร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมือง สร้างด้วยอิฐสีแดงในศตวรรษที่ 14 มีสไตล์แบบโรมาเนสก์-โกธิก จากนั้นนำท่านชมจัตุรัสปีอัซซ่าเดลล์อันฟิเตอาโตร (Piazza dell'Anfiteatro) ตั้งอยู่ในเมืองลุกกา แคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี จัตุรัสรูปวงรีนี้ถูกสร้างขึ้นบนซากอัฒจันทร์โรมันโบราณ ชมอาคารสีพาสเทลที่โอบล้อมจัตุรัสตามแนววงรีของอัฒจันทร์เดิม ทางเข้าสู่จัตุรัสมีเพียงสี่ทางผ่านซุ้มโค้ง โดยทางเข้าที่ต่ำที่สุดยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างอัฒจันทร์ดั้งเดิม นำท่านเดินทางสู่เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) (ระยะทาง 81 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชม.) เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีแม่น้ำอาร์โน (Arno) ไหลผ่านท่ามกลางตึกอาคารทรงโบราณโทนสีอบอุ่นและทิวเขาที่สวยงาม แม้จะเป็นแค่เมืองเล็กๆ
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
บ่าย  นำท่านเที่ยวชมเมืองฟลอเรนซ์ (Florence) เป็นเมืองหลวงของ แคว้นทัสคานี (Tuscany) อีกทั้งยังเคยเป็นเมืองหลวงของ ประเทศอิตาลี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1865 จนถึง 1871 อีกด้วย เป็นจุดกำเนิดของยุคเรเนสซองส์ (Renaissance) หรือ ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยา ในช่วงศตวรรษที่ 15 รวมถึงเหล่าศิลปินและนักวิทยาศาสตร์ที่มีอิทธิพลเป็นอย่างมากในวงการศิลปะ สถาปัตยกรรม และวิทยาศาสตร์ เช่น ซานโดร บอตติเชลลี (Sandro Botticelli), เลโอนาร์โด ดาวินชี (Leonardo da Vinci), ไมเคิลแองเจโล (Michelangelo) และ กาลิเลโอ กาลิเลอิ (Galileo Galilei) เป็นต้น ทำให้ย่านเมืองเก่าใจกลางเมืองฟลอเรนซ์ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก นำท่านชมมหาวิหารดูโอโมแห่งฟลอเรนซ์ (Duomo Florence) หรือที่รู้จักกันในชื่อมหาวิหารซานตามาเรียเดลฟิโอเร(Cathedral of Santa Maria del Flore)  ตั้งอยู่ในจัตุรัสดูโอโม เริ่มก่อสร้างเมื่อปลายศตวรรษที่ 13 ภายใต้การออกแบบของอาร์โนลโฟ ดี คัมบิโอ สถาปนิกและประติมากรชื่อดังผู้หลงใหลในสถาปัตยกรรมแบบโกธิก และใช้ระยะเวลาทั้งหมดถึง 140 ปีถึงจะแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1436 ด้วยเหตุนี้รูปแบบสถาปัตยกรรมของมหาวิหารจึงมีการผสมผสานศิลปะของแต่ละยุคสมัยเข้าด้วยกัน ตั้งแต่โกธิค (Gothic) โรมาเนสก์ (Romanesque) ไปจนถึงเรสเนซองส์ (Renaissance) นำท่านชมเปียซซาเดลลาซิญญอเรีย (Piazza Della Signoria) จัตุรัสรูปตัว L กลางเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีความสำคัญทางศิลปะและการเมือง ที่นี่เป็นที่ตั้งของ Palazzo Vecchio หรือศาลากลางเมือง และมีประติมากรรมยุคเรเนสซองส์ตั้งอยู่มากมาย เช่น รูปปั้นเดวิด (Statue of David) ที่จำลองมาจากผลงานของหนึ่งในศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคเรเนสซองส์อย่าง ไมเคิลแองเจโล  และน้ำพุเนปจูน และเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของฟลอเรนซ์ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก นำท่านชมสะพานเวคคิโอ (Vecchio Bridge) สะพานที่เก่าแก่ที่สุดในฟลอเรนซ์ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 14 และเป็นสะพานแห่งเดียวที่ไม่ถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  ด้านในเป็นแหล่งรวมร้านขายเครื่องประดับและงานศิลปะ อีกทั้งยังมีจุดชมวิวแวะถ่ายรูปสวยๆ ของแม่น้ำอาร์โนอีกด้วย ซึ่งสวยงามทั้งตอนกลางวันและกลางคืน ทำให้ท่านประทับใจกับบรรยากาศอันแสนน่ารักและโรแมนติกของเมืองเล็กๆ ที่มีประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่อย่างเมืองฟลอเรนซ์ แห่งนี้
ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พักMercure Firenze Centro**** หรือเทียบเท่า

วันที่ห้า : ซานจิมิกนาโน - เปียสซา เดลลา ซิสเทอนา – เซียน่า – จัตุรัสคอมโพ – มหาวิหารเซียนา – มอนเตปูลเชียโน่ -เปรูจา

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินสู่เมืองซานจิมิกนาโน (San Gimignano) (ระยะทาง 59 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.10 ชม.) เป็นเมืองเก่าในยุคอัศวินหรือยุโรปยุคกลาง ที่ยังคงรักษาไว้เป็นอย่างดี  และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ เมื่อปี ค.ศ. 1990 มีกำแพงที่ล้อมรอบตัวเมือง ซึ่งสร้างไว้เพื่อป้องกันตัวเมืองตั้งแต่ในอดีต สิ่งปลูกสร้างในเมืองรวมถึงอาคารบ้านเรือนที่สร้างด้วยหิน และหลังคากระเบื้องดินเผา พื้นถนนในเมืองหลาย ๆ ส่วนยังเป็นพื้นที่ปูด้วยหินแบบโบราณ และหอคอยที่สร้างขึ้นตั้งแต่ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 11-13 โดยขุนนางและพ่อค้าในสมัยนั้น ซึ่งจะแข่งกันที่ความสูงของหอคอยเพื่อแสดงให้เห็นถึงอำนาจ ความมั่งคั่งและความสำคัญของผู้สร้าง ในปัจจุบันเหลืออยู่แค่ 14 หอคอย จากทั้งหมด 72 แห่ง เพราะถูกทำลายไปในช่วงสงคราม นำท่านชมเปียสซา เดลลา ซิสเทอนา (Piazza della Cisterna) เป็นจัตุรัสรูปสามเหลี่ยมที่มีเสน่ห์ใจกลางเมืองซานจิมิกนาโน แคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี รายล้อมด้วยอาคารและหอคอยยุคกลางที่สวยงาม เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินชมสถาปัตยกรรมและซึมซับบรรยากาศเก่าแก่ จัตุรัสนี้ตั้งชื่อตามบ่อน้ำใต้ดินที่สร้างขึ้นในปี 1287 และเสริมด้วยบ่อน้ำแปดเหลี่ยมทำจากหินทราเวอร์ทีนในปี 1346 ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางจัตุรัส จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเซียน่า (Siena) (ระยะทาง 42 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.)
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านชมจัตุรัสคอมโพ (Piazza del Campo) เป็นจัตุรัสสาธารณะใจกลางเมืองเซียนา ประเทศอิตาลี ที่ได้รับการยกย่องจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก จัตุรัสแห่งนี้มีรูปร่างคล้ายเปลือกหอยหรือพัด โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิก และเป็นสถานที่จัดการแข่งขันม้าประจำปีอันเลื่องชื่ออย่าง Palio di Siena นำท่านชมมหาวิหารเซียนา (Duomo di Siena) เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์กอทิกอันโดดเด่นที่สร้างด้วยหินอ่อนขาวสลับเขียวดำ ซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของเมืองเซียนา พื้นหินอ่อนแกะสลักอันวิจิตรบรรจงที่มีลวดลายเรื่องราวทางศาสนา และภายในที่เต็มไปด้วยงานศิลปะอันล้ำค่า ทั้งภาพวาด จิตรกรรมฝาผนัง และกระเบื้องโมเสก ประติมากรรมของศิลปินชื่อดังอย่างไมเคิลแองเจโลและโดนาเทลโล รวมถึงแท่นเทศน์อันงดงามของนิโคลา ปิซาโน นำท่านเดินทางสู่เมืองมอนเตปูลเชียโน่ (Montepulciano)  (ระยะทาง 67 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.10 ชม.) เมืองเล็กๆในยุคกลางและเรเนสซองส์ ตั้งอยู่บนเนินเขาในเขตเซียน่า ที่ล้อมรอบด้วยไร่องุ่น เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่4 มีชื่อเสียงในเรื่องการผลิตไวน์แดง นำาท่านเดินชมเมืองเก่า จัตุรัสกลางเมือง เลือกชิม และซื้อไวน์ อันเป็นบริเวณที่มีชื่อเสียงในเรื่องการผลิตไวน์เคียนติของอิตาลี จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเปรูจา (Perugia) (ระยะทาง 75 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.10 ชม.) นำท่านชมเมืองเปรูจา เป็นเมืองเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ในแคว้นอุมเบรีย (Umbria) ตอนกลางของอิตาลี ที่มีเสน่ห์แบบยุคกลางและมีชื่อเสียงเป็นเมืองหลวงแห่งช็อกโกแลต และเมืองแห่งศิลปะ
ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Sangallo Palace Hotel **** หรือเทียบเท่า

วันที่หก : ซานมาริโน – มหาวิหารซานมารีโน – โบโลญญ่า - เลอ ดูเอ ตอร์รี (Two Towers)

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองซานมาริโน (San Marino) (ระยะทาง 173 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.) เป็นประเทศขนาดเล็กในยุโรปใต้บนเทือกเขาแอเพนไนน์ เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล เนื่องจากพรมแดนถูกล้อมรอบทุกด้านโดยประเทศเดียว คือประเทศอิตาลี ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และทัศนียภาพอันสวยงาม นำท่านเข้าชมมหาวิหารซานมารีโน (Basilica di San Marino) ถือเป็นผู้สถาปนาและองค์อุปถัมภ์ของซานมารีโน นั่นเอง ซึ่งเรื่องราวของของสถานที่แห่งนี้เริ่ม ช่างหินที่มีนามว่า มารีนุส อพยพจากสงครามกวาดล้างชาวคริสต์ มาตั้งถิ่นฐานในที่สูงในเขตทุรกันดาร ห่างไกลจากทหาร ที่นี่จึงเกิดเป็นเมืองซานมาริโน โดยตั้งชื่อตามมารีนุสที่เป็นผู้สร้างดินแดน และชาวเมืองได้สร้างอาคารหินแบบสถาปัตยกรรมของโรมัน กลายเป็นวิหารนักบุญมารีโน ที่มีความงดงามมาให้เห็นจนถึงปัจจุบันนี้ และที่นี่ยังนับว่าเป็นสถานที่ที่ใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนาคริสต์ที่สำคัญอีกด้วย
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองโบโลญญ่า (Bologna) (ระยะทาง 139 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี โดยอยู่ระหว่างแม่น้ำโปกับเทือกเขาแอเพนไนน์ เมืองโบโลญญามีชื่อเสียงในด้านหอคอย โบสถ์ และระเบียงทางเดินทอดยาว โดยมีศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี และยังเป็นศูนย์กลางด้านการเกษตร อุตสาหกรรม การเงิน และการขนส่งที่สำคัญ โดยมีบริษัทเครื่องจักรกล อิเล็กทรอนิกส์ และอาหารขนาดใหญ่หลายแห่งตั้งสำนักงานใหญ่ รวมทั้งมีงานแสดงสินค้าถาวรที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปอีกด้วย นำท่านแวะถ่ายรูปกับเลอ ดูเอ ตอร์รี (Le Due Torri) หรือ Two Towers หอคอยเอียงสองแห่งที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองโบโลญญา ประกอบด้วย หอคอยที่สูงกว่าชื่อว่า "อาซีเนลลี" (Asinelli) มีความสูงประมาณ 97 เมตร และมีบันได 498 ขั้น  และหอคอยที่เตี้ยกว่าแต่เอียงกว่าชื่อว่า "การิเซนดา" (Garisenda) สูงประมาณ 47 เมตร และเอียงมากเนื่องจากฐานรากทรุดตัว สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1109 ถึง 1119 และอาจเป็นการแข่งขันระหว่างสองตระกูลในยุคกลางเพื่อแสดงอำนาจ ปัจจุบันจึงมีการปิดหอคอยทั้งสองแห่งตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 เพื่อบูรณะซ่อมแซม นำท่านชมวิหาร Basillica di San Pedronio ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก นำท่านชมมหาวิทยาลัยแห่งแรกของโลกในยุคกลางเมืองโบโลญญ่า เป็นศูนย์รวมความรู้และวิทยาการ ชมหอเอนเมืองโบโลญญ่า เก็บภาพสถาปัตยกรรมเมืองในยุคกลางต่อเนื่องมาถึงยุคเรเนสซองซ์
ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hotel NH Bologna De La Gare **** หรือเทียบเท่า

วันที่เจ็ด : บาสซาโน เดล กรัปปา - สะพานปอนเต เดลยี่ อัลปินี่ – กอร์ตีนาดัมเปซโซ

เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองบาสซาโน เดล กรัปปา (Bassano del Grappa) (ระยะทาง 183 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ในแคว้นเวเนโตของอิตาลี ที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากมาย นำท่านแวะถ่ายรูปกับสะพานปอนเต เดลยี่ อัลปินี่ (Ponte degli Alpini) สะพานไม้เก่าแก่ที่ออกแบบโดยอันเดรอา ปัลลาดีโอ ในปี ค.ศ. 1569 ซึ่งทอดข้ามแม่น้ำเบรนตา และเป็นสัญลักษณ์ของเมือง สะพานแห่งนี้เคยถูกทำลายจากเหตุการณ์สงครามหลายครั้ง แต่ก็ได้รับการซ่อมแซมและสร้างขึ้นใหม่ในรูปแบบเดิมเสมอ อิสระท่านเดินชมวิวแม่น้ำและสถาปัตยกรรมที่งดงามได้ตามอัธยาศัย
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางข้ามพรมแดนสู่อุทยานแห่งชาติในเขตเทือกเขาโดโลไมท์ (Dolomites) (ระยะทาง 173 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.)  เขตทิโรล ของประเทศอิตาลี ความสวยงามของโดโลโมท์เป็นที่เลื่องลือ ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติเพียงแห่งเดียวของอิตาลี ที่องค์กรยูเนสโกรับรองให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ  (Unesco) โดโลไมท์เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี หรืออิตาเลี่ยนแอลป์ เทือกเขาโดโลไมท์มียอดเขามีลักษณะและสภาพภูมิศาสตร์ เต็มไปด้วยภูเขาหินปูนมีรูปร่างแปลกตา ไม่ว่าจะเป็นยอดเขาแหลมสูงอลังการ หรือทะเลสาบสีฟ้าอมเขียวใสเหมือนกระจก ภูมิประเทศอันน่ามหัศจรรย์แห่งนี้เมื่อกว่า 500 ล้านปี เคยเป็นแนวปะการังใต้ท้องทะเลมาก่อน นำท่านเดินทางสู่เมืองกอร์ตีนาดัมเปซโซ (Cortina D Ampezzo) เมืองศูนย์กลางด้านตะวันออกของโดโลไมท์ เมืองสกีรีสอร์ทที่อยู่ในอุทยานแห่งชาติเทือกเขาโดโลไมท์ คอร์ติน่า ดอมปาสโซ่ เคยใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 1956 และเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ 007 ตอน For Your Eye Only ได้รับการขนานนามว่าเป็น ไข่มุกแห่งเทือกเขาโดโลไมท์ เมืองนี้อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,219 เมตร เป็นสถานที่ตากอากาศตลอดปีของชนชั้นสูงและบรรดาหนุ่มสาว อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมืองเลือกซื้อของที่ระลึกหรือเก็บภาพความประทับใจตามอัธยาศัย
ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Ambra Cortina Hotel **** หรือเทียบเท่า

วันที่แปด : เซอร์มิโอเน – แบร์กาโม - มิลาน – มหาวิหารดูโอโมมิลาน

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่เมืองเซอร์มิโอเน (Sirmione) (ระยะทาง 282 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 3.30 ชม.)  ตอนเหนือของประเทศอิตาลี  เมืองเล็กๆที่มากด้วยเสน่ห์ของอิตาลี
กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย  นำท่านชมเมืองเซอร์มิโอเน (Sirmione) เป็นเมืองที่ถูกล้อมรอบด้วยมหาสมุทรเป็นดั่งเมืองลอยน้ำที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เพราะยังมีซากปรักหักพังของโบราณสถานหลายร้อยปีก่อนตั้งอยู่ที่นี่ โดยมีฉายาว่าเป็น “ไข่มุกแห่งคาบสมุทรเซอร์มิโอ” และยังเป็นดั่งดั่งเมืองเวนิสสอง เนื่องด้วยบ้านเมืองในเซอร์มิโอเนยังอยู่ท่ามกลางแหล่งน้ำและด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นแหลมยื่นเข้าไปในทะเลสาบการ์ดา (Garda) ที่มีความสวยงาม อดีตเคยเป็นเมืองที่มีผู้คนที่มีฐานะในยุคสมัยโรมันใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ และปัจจุบันก็เป็นเมืองพักผ่อนริมทะเลสาบที่ได้รับความนิยมอย่างมาก นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านสปา เพราะมีน้ำพุร้อนที่มีสรรพคุณที่ช่วยในการรักษาเยียวยา เต็มไปด้วยแร่ธาตุที่บำรุงผิวพรรณและทำให้รู้สึกผ่อนคลาย นำท่านเดินเล่นในเบริเวณเมืองเก่า ถ่ายรูปกับ ปราสาทเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 500 ปี  "The Scallger of Sirmione" ถูกสร้างขึ้นในปี 1277 และเมืองนี้เคยอยู่ในการปกครองของตระกูล Scaliger จากนั้นนำท่านล่องเรือชมรอบเมือง เพื่อชมความงดงามเมืองตากอากาศแห่งนี้ นำท่านเดินทางสู่เมืองแบร์กาโม (Bergamo) (ระยะทาง 89 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม.)  เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีเสน่ห์ในแคว้นลอมบาร์เดีย ประเทศอิตาลี อยู่ห่างจากมิลานเพียงประมาณ 50 กิโลเมตร เมืองนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ Città Alta (เมืองเก่าบนเนินเขา) และ Città Bassa (เมืองใหม่ที่อยู่ด้านล่าง) จากนั้นนำท่านเดินทางสู่มิลาน (Milan) (ระยะทาง 59 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) มิลาน (Milan) เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับสองของอิตาลี และเป็นศูนย์กลางด้านแฟชั่น ศิลปะ และวัฒนธรรมระดับโลก นำท่านแวะถ่ายรูปกับมหาวิหารดูโอโม (Duomo de Milano) ตั้งอยู่ใจกลางจตุรัสเมืองมิลาน ประเทศอิตาลีเป็นมหาวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ที่กรุงวาติกัน รูปแบบการสร้างเป็นสถาปัตยกรรมแบบกอธิค ซึ่งถือได้ว่าเป็นมหาวิหารแบบกอธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ด้วยความสูง 157 เมตร และ กว้างกว่า 92 เมตร และ ยังใช้เวลาในการสร้างกว่า 579 ปี ท่านสามารถมองเห็นยอดที่สูงที่สุดของมหาวิหารนี้ เป็นรูปสลักพระแม่มาเรียสูง 4 เมตร หุ้มด้วยทองคำงามเป็นประกายทั้งองค์ มีชื่อเรียกว่า Madonnina (มาดอนนิน่า) นอกจากนี้ยังมีรูปแกะสลักนักบุญท่านอื่นๆ ที่สำคัญอีกมากมาย ประดับประดาอยู่ตามยอดอีก 135 ยอด มีการแกะสลักลวดลายอย่างละเอียดสวยงาม ด้วยเหตุนี้ที่นี่จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “มหาวิหารเม่น”
ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hotel NH Collection Milano Touring **** หรือเทียบเท่า

วันที่เก้า : มิลาน

เช้า   รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม
08.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินมิลาโนมัลเปนซา (MXP) ประเทศอิตาลี เพื่อให้ท่านมีเวลาดำเนินการเรื่องทำคืนภาษี (TAX Refund)
13.05 น.  ออกเดินทางสู่กรุงเทพมหานคร การบินไทย เที่ยวบินที่ TG941 (ใช้เวลาในการเดินทาง 10.50 ชม.) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินมีบริการอาหารระหว่างเที่ยวบิน

วันที่สิบ:กรุงเทพมหานคร

05.55 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE

 

อัตราค่าบริการ 

ก.พ. - มี.ค. 69

เม.ย. – ต.ค. 69

ผู้ใหญ่พัก 2 ท่านต่อห้อง หรือ เด็กอายุมากกว่า 11 ปีบริบูรณ์ พักกับผู้ใหญ่ 1 ท่าน หรือ พัก 3 ท่านต่อห้อง ราคาท่านละ

139,900

145,900

พักเดี่ยวเพิ่มท่านละ

22,000

27,000

เด็กอายุ 2-11 ปี พักกับผู้ใหญ่ 2 ท่าน เสริมเตียง

133,900

139,900

ชั้นธุรกิจเพิ่มเงินจากราคาทัวร์(TG) เริ่มต้นที่ท่านละ
(ราคาสามารถยืนยันได้ก็ต่อเมื่อที่นั่งconfirm เท่านั้น)

100,000 – 170,000

มีวีซ่าเชงเก้นแล้วคืนเงิน

4,000

4,000

ไม่เอาตั๋วเครื่องบินหักคืน (BKK-MXP -BKK)

26,000

30,000

Visitors: 215,698