ทัวร์สวิตเซอร์แลนด์ สมอลวิลเลจ 10 วัน 7 8คืน เดินทาง เมษายน - กันยายน 2569 | สายการบินไทย (TG)

โปรแกรมการเดินทาง

วันแรก  กรุงเทพฯ

21.30 น.  คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่ เคาน์เตอร์เช็คอิน สายการบินไทย อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4

ณ สนามบินสุวรรณภูมิ

วันที่สอง  กรุงเทพฯ -  ซูริค - สไตน์ อัม ไรน์ – อัพเพนเซลล์ - วาสเซอเราเอิน – เบิร์กกาสต์เฮาส์ เอเชอร์ -  เซนต์มอริตส์

00.35 น.  ออกเดินทางสู่นครซูริค (ZRH) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (บินตรง) โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG970 (ใช้เวลาบินประมาณ 12.20 ชม.) สายการบินมีบริการอาหารค่ำและอาหารเช้า บนเครื่องบิน

06.55 น.เดินทางถึงสนามบินซูริค (ZRH) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร

นำท่านเดินทางสู่ เมืองสไตน์ อัม ไรน์ (Stein Am Rhine) เมืองน่ารัก ริมแม่น้ำไรน์ เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ติดกับชายแดนของประเทศเยอรมัน ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดของแม่นํ้าไรน์ ชื่อของเมืองนี้แปลว่า  หินบนแม่น้ำไรน์ ชมเมืองประวัติศาสตร์ที่มีกลิ่นอายของอดีต  ผ่านอาคารบ้านเรือนและป้อมปราการที่ปลูกสร้างมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง ดื่มด่ำกับทัศนียภาพของธรรมชาติที่เหมาะแก่การเดินท่องเที่ยวในเมืองเล็กๆชมโบสถ์ประจำเมืองริมน้ำที่มีหอคอยโดดเด่น และเป็นศูนย์รวมของผู้คนในเมืองนี้ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองอัพเพนเซลล์ (Appenzell) (ระยะทาง 70 กม. ใช้เวลาเดินทาง 1.10 ช.ม.) เป็นเมืองชนบทที่มีเสน่ห์ในสวิตเซอร์แลนด์ เมืองเล็กๆตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาแอลป์ โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมบ้านเรือนสไตล์ดั้งเดิมที่ตกแต่งอย่างสวยงาม อาคารบ้านเรือนมีการเพนท์ลาย สวยงามในแบบชาเล่ต์สวิส มีชีสAppenzeller ซึ่งเป็นชีสที่มีชื่อเสียงและสูตรลับในการผลิตอันเลื่องชื่อ เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่าเมืองการ์ตูนในนิยายชาวสวิส เป็นเมืองที่รายรอบด้วยภูเขา มีแม่น้ำไหลผ่าน และมีอากาศบริสุทธิ์มาก

นำท่านเดินทางสู่เมืองวาสเซอเราเอิน (Wasserauen) (ระยะทาง 91 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.)

กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านเดินเท้าประมาณ 400 เมตร เพื่อไปที่สถานีรถกระเช้า Ebenalpbahn ขึ้นเคเบิ้ลคาร์สู่ Ebenalp ทุกๆ 15 นาที โดยกระเช้าใช้เวลา ขึ้นหน้าผาเพียงแค่ 6 นาทีก็ถึงยอด จากนั้นท่านต้องเดินลัดเลาะลงเขาประมาณ 15-20 นาที เพื่อเดินเท้าสู่ Berggasthaus Aescher โรงแรมริมหน้าผา สุดอลังการ ที่พักสวิตเซอร์แลนด์ ที่ต้องปักหมุดเป็นหนึ่งใน Bucket List ที่ต้องมาสักครั้งหนึ่งให้ได้!  Berggasthaus Aescher เป็นเกสต์เฮาส์ไม้บนภูเขาริมหน้าผาสูงที่ Ebenalp ในเขตเมือง Appenzell ของสวิตเซอร์แลนด์ ซี่งเปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1860  ระหว่างทางได้ชมวิวเปิดโล่งของหุบเขาเขียวชอุ่มในหน้าร้อน มีวัวเล็มหญ้าอย่างมีความสุขข้างๆทาง นอกจากนี้ท่านจะได้เดินทางผ่านถ้ำ ในถ้ำมีแสงไฟจากโปรเจ็คเตอร์เล่าบรรยายหินงอกหินย้อยและเรื่องราวของคนที่อยู่ที่บริเวณถ้ำนี้ในสมัยก่อน จากนั้น ให้ท่านได้ดื่มด่ำ และพักผ่อนไปกับบรรยากาศ ของโรงแรมริมหน้าผา ตัวอาคารเป็นบ้านไม้สามชั้นสไตล์ชาเล่ต์แบบสวิส มองขึ้นไปเห็นหน้าต่างห้องนอนของเกสต์เฮ้าส์ ด้านในเป็นที่นั่งร้านอาหารแต่หน้าร้อนคนจะออกมานั่งด้านนอกชมวิวรับแดดกันหมด เดิมอาคารนี้เป็นที่พักของพระที่ดูแลโบสถ์ในถ้ำนั่นเอง มาเปลี่ยนเป็นเกสต์เฮ้าส์ทีหลัง (จากนั้น ท่านจะเดินทางกลับทางเดิม เพื่อไปขึ้นกระเช้าบนยอดเขา และลงกระเช้าเพื่อเดินทางลงสู่เมือง)

ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่เมืองเซนต์โมริตส์ (St. Moritz) (ระยะทาง 166 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.) เป็นเมืองที่อยู่ในหุบเขา Engadine ของสวิตเซอร์แลนด์ และตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ในระดับความสูงเหนือน้ำทะเลที่ 1775 ม. ซึ่งทางตะวันออกของเทือกเขามียอดภูเขาชื่อ Piz Bernina ตั้งตระหง่านสูงที่สุด ที่ระดับ 4049 ม. เมือง St.Moritz นั้นแบ่งออกเป็นสองส่วนก็คือ ส่วนที่อยู่บนเขา และส่วนที่ราบโดยมีทะเลสาบขั้นอยู่ตรงกลาง เป็นเมืองตากอากาศที่แพงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศฤดูร้อนที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับน้ำแร่โบราณที่ถูกค้นพบและมีมานานหลายพันปี ตราสัญลักษณ์ประจำเมืองนี้คือรูปพระอาทิตย์อาจจะเพราะฤดูร้อนที่นี่ไม่ร้อนเมื่อเปรียบเทียบกับเมืองอื่นๆ แต่ฤดูหนาวของที่นี่เองแม้อากาศจะหนาว แต่อากาศก็จะอุ่นด้วยจากการที่มีแสงสว่างส่องมาจากพระอาทิตย์

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น                              

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hotel Reine Victoria by Laudinella **** หรือเทียบเท่า

วันที่สาม  เซนต์มอริตส์ – รถไฟสายเบอร์นินา - ทิราโน่ -โคโม

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านสัมผัสบรรยากาศ นั่งรถไฟสาย เบอร์นีน่า  เอ็กซ์เพรส (Bernina Express ชั้น 2 ) จากสถานี เซนต์โมริตส์ มุ่งหน้าสู่สถานีปลายทางเมืองทิราโน่ (Tirano )ซึ่งเป็นรถไฟสายที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1910 สัมผัสประสบการณ์การเดินทางกว่า 2 ชั่วโมง ผ่านสะพานกว่า 196 สะพาน  และอุโมงค์กว่า 55 อุโมงค์ ไต่ระดับเป็นขั้นๆสู่ความสูงกว่า 2,253 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล โดยรถไฟมีหน้าต่างบานใหญ่ที่ให้วิวพาโนรามา 360 องศา ชมความงามของ สะพานวงกลมบรูซิโอ ยาว 110 เมตร ลักษณะเป็นสะพานหิน 9 ซุ้มโค้ง คล้ายกับสะพานส่งน้ำโรมัน และสะพานลันด์วัสเซอร์ ตีวงโค้งลดระดับลงมาจากเชิงเข่าสู่พื้นราบ  ชมความงามของขุนเขา สลับทุ่งหญ้า และหุบเขาสวิสแอลป์อันสวยงาม ซึ่งเส้นทางรถไฟสายนี้ได้รับการประกาศเป็นหนึ่งในมรดกโลกของประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อปี ค.ศ.2008  (หากรถไฟเบอร์นีน่าเอ็กซ์เพรสไม่สามารถรองรับคณะเดินทางได้ บริษัทจะจัดรถไฟ REGIONAL TRAIN ทดแทน)

กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านเดินทางสู่ เมืองโคโม (Como) (ระยะทาง 135 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.) เมืองริมทะเลสาบที่สวยงามบริเวณพรมแดนอิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ ทะเลสาบโคโมที่ล้อมรอบด้วยเทือกเขาแอลป์สูงตระหง่านอันงดงาม นำท่านชม ทะเลสาบโคโม่ (Como Lake) โดยทะเลสาบโคโม่นั้นตั้งอยู่ในจังหวัดโคโม่ แคว้นลอมบาร์เดียเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสามของอิตาลีแต่เรื่องความสวยงามนั้นมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยพื้นที่โดยรอบมีความยาวถึง 146 กิโลเมตรเลยทีเดียว นำท่านล่องเรือชมทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) เป็นทะเลสาบที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดอันดับต้นของประเทศ และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในอิตาลี ทางเหนือของทะเลสาบคือ เทือกเขาแอลป์ เปรียบเสมือนป้อมปราการทางธรรมชาติ ที่สร้างฉากหลังอันงดงามอลังการให้กับดินแดนแห่งนี้ เสน่ห์ของทะเลสาบแห่งนี้ คือ “วิลล่า” บ้านพักตากอากาศอันหรูหรา เรียงรายรอบๆ ทะเลสาบโคโม จนกลายเป็นศูนย์รวมชนชั้นสูงและบุคคลมีชื่อ

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

(หมายเหตุ : ท่านควรจัดกระเป๋าแยก สำหรับพักที่ ZERMATT 1 คืนในวันรุ่งขึ้น เพื่อความสะดวกในการขึ้นรถไฟ เนื่องจากรถโค้ช จะจอดแค่ที่เมือง TASCH ไม่สามารถขึ้นไปกับคณะได้ และเดินทางบน ZERMATT จะต้องเดินเท้า หรือ ใช้รถ TAXI ไฟฟ้าของเมืองเท่านั้น)

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Metropole Suisse Aulac **** หรือเทียบเท่า

วันที่สี่  โคโม – เบลลินโซนา – อันเดอร์มัท – รถไฟกลาเซียร์ เอ็กซ์เพรส  - เซอร์แมท

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เบลลินโซนา (Bellinzona) (ระยะทาง 59 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชม.) เมืองแห่งปราสาท ที่น่าหลงไหล แห่งสวิตเซอร์แลนด์ เมืองหลวงของแคว้น Ticino เปรียบเหมือนประตูไปสู่ประเทศอิตาลี จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "อิตาลีแห่งสวิตเซอร์แลนด์" เป็นเมืองในยุคกลางที่มีการอนุรักษ์บ้านเรือนและหมู่ปราสาทหลายหลังไว้ได้อย่างดีเยี่ยมของสวิตเซอร์แลนด์ เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่อง ปราสาทเก่าแก่ 3 แห่ง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO นอกจากนี้แล้วเมืองเบลลินโซนายังมีชื่อเสียงในเรื่องงานคานิวาล ที่มีชื่อว่า Rabadan ซึ่งมีการจัดมานานกว่า 150 ปีแล้ว นำท่านขึ้นลิฟท์ (กรณีลิฟท์ปิดท่านสามารถเดินขึ้นได้) เพื่อชมสู่ลานชมวิวปราสาท (ชมปราสาทด้านนอก) ชมวิวอันงดงามของเมือง จากนั้นทำท่านเดินเล่นถ่ายภาพบริเวณเมืองเก่า Old Town ถนนสายเล็กๆ อาคารไตล์อิตาเลี่ยน

ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่เมืองอันเดอร์มัท (Andermatt) (ระยะทาง 85 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.40 ชม.) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในเทือกเขาแอลป์ที่สวยงาม มีเสน่ห์แบบชนบทสวิส เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักสกีในฤดูหนาว และเหมาะสำหรับนักปีนเขาหรือเดินป่าในฤดูร้อน นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับการเดินเล่นในหมู่บ้าน ชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่ และนั่งรถไฟกลาเซียร์เอ็กซ์เพรส (Glacier Express) ที่เชื่อมต่อกับเซอร์แมท ตั้งอยู่ในหุบเขาที่เรียกว่าอัวร์เซอเริน อันเป็นแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำร็อยส์ อันเดอร์มัทถือเป็นหมู่บ้านที่เป็นจุดบรรจบกันของช่องเขาที่สำคัญสามช่องเขา ได้แก่ ช่องเขาโอเบอร์อัลพ์ทางทิศตะวันออก, ช่องเขาก็อทฮาร์ททางทิศใต้ และช่องเขาฟัวร์คาทางทิศตะวันออก เมืองนี้จึงเป็นเมืองที่อากาศดีอีกแห่งและมีทัศนียภาพที่สวยงาม ระหว่างการเดินทางท่านจะได้ชมทิวทัศน์อันสวยงามสองข้างทาง นอกจากนี้อันเดอร์มัทยังเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมมาขึ้นรถไฟกลาเซียร์ เอ็กซ์เพรส ซึ่งเป็นรถไฟที่นั่งชมวิวทิวทัศน์และบรรยากาศของเมืองเล็กๆตลอดเส้นทางท่องเที่ยวที่สวยงามอีกแห่งของสวิตเซอร์แลนด์

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านสัมผัสบรรยากาศ นั่งไฟสายโรแมนติกสายกลาเซียร์ เอ็กซ์เพรส (Glacier Express) รถไฟที่ได้ชื่อว่าวิ่งช้าที่สุดในโลก และเป็นเส้นทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกใฝ่ฝันจะได้สัมผัส ตลอดการนั่งรถไฟกว่า 3 ชั่วโมงจากเมืองอันเดอร์แมท (Andermatt) สู่ เมืองเซอร์แมท (Zermatt) เมืองเล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ ระหว่างทางท่านจะได้ชมทิวทัศน์ที่สวยที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ที่ถูกโอบล้อมอยู่ในอ้อมกอดของหุบเขาและสายน้ำสีฟ้าครามสดใสของทะเลสาบ หรือจะเป็นทัศนียภาพของภูเขาที่พาดผ่านกลางเทือกเขาแอลป์ ยอดเขาความสูงกว่า 3,000 เมตร ที่ปกคลุมด้วยหิมะตลอดทั้งปี อิสระให้ท่านได้พักผ่อนและเก็บภาพธรรมชาติอันสวยงามและขึ้นชื่อของสวิตเซอร์แลนด์ รถไฟสิ้นสุดการเดินทาง ณ เมืองเซอร์แมท (Zermatt) ตั้งอยู่เชิงเขาแมทเทอร์ฮอร์นยอดเขาแหลมสูงชันสัญลักษณ์ของสวิตเซอร์แลนด์ ครอบคลุมพื้นที่สกีฤดูหนาวและฤดูร้อนที่กว้างใหญ่ เมืองเซอร์แมทนี้ถือว่าเป็นเมืองที่ปราศจากมลภาวะโดยสิ้นเชิงเพราะเป็นเมืองที่ห้ามนำเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเข้าไปในตัวเมืองเด็ดขาด (หากรถไฟสายกลาเซียร์ เอ็กซ์เพรส ไม่สามารถรองรับคณะเดินทางได้ บริษัทจะจัดรถไฟ REGIONAL TRAIN ทดแทน)

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hotel Astoria / Alpen Hotel Zermatt/ Simi Hotel**** หรือเทียบเท่า

วันที่ห้า  เซอร์แมท –กรอนเนอร์แกรต - กรีเมนทช์ – มองเทรอ

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านนั่งรถไฟฟันเฟืองสู่ สถานีรถไฟกรอนเนอร์แกรต (Gornergrat railway) เดินทางสู่จุดชมวิว ยอดเขากรอนเนอร์แกรต (Gornergrat) เป็นจุดถ่ายรูปเขาแมทเธอร์ฮอร์น Matterhorn ที่สวยที่สุดของเทือกเขาแอลป์ และธารน้ำแข็ง ท่านจะได้เห็นทัศนียภาพที่สวยงามของยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์นที่สวยงาม  นำท่านชมวิวสวยๆ ใกล้สถานี Rotenboden โดยจะต้องเดินเท้าต่อไปประมาณ 10 นาที จึงจะถึงทะเลสาบริฟเฟลซี (Riffelsee Lake) มีความยาวประมาณ 100 เมตร ความกว้าง 50 เมตร ที่นี่จะได้เห็นทั้งวิวของยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์นที่อยู่ตรงหน้า และยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์นที่สะท้อนอยู่บนผืนน้ำ เหมือนเป็นภาพสะท้อนแบบกลับหัว 

บ่าย  นำท่านเดินทางสู่เมืองทาซ (Tasch) โดยรถไฟ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 12 นาที ตั้งอยู่ห่างจากเซอร์แมท ไปทางเหนือประมาณ 8 กิโลเมตร ทาซเป็นหมู่บ้านในหุบเขา Matter Valley ของสวิตเซอร์แลนด์ เป็นประตูสู่เมือง Zermatt (เซอร์แมทท์) ที่มีชื่อเสียง และเป็นฐานที่พักที่เงียบสงบแต่เดินทางสะดวก กิจกรรมหลักที่นี่คือการใช้เป็นจุดต่อรถไฟไปยัง Zermatt เพื่อชมภูเขา Matterhorn (แมทเธอร์ฮอร์น) รวมถึงการเดินป่า ปีนเขา เล่นสกีในช่วงฤดูหนาว จากนั้นำท่านเดินทางโดยรถโค้ช นำท่านเดินทางสู่เมืองกรีเมนทช์ (Grimentz) (ระยะทาง 77 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.)ซึ่งเป็นเมืองที่ติด 1 ใน 10 เมืองสวยที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำท่านชมเมืองกรีเมนทช์ (Grimentz) ซึ่งแป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในเขตการปกครอง Volois ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตัวหมู่บ้านถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบ Unseen ของประเทศ ที่มีทั้ง วิวและทัศนียภาพงดงามตระการตา  กรีเมนทซ์มีชื่อเสียงในเรื่องของบ้านไม้สไตล์อัลไพน์แบบสวิสที่เรียงรายกันอยู่ตามภูเขา โดยในช่วงฤดูร้อนนั้นชาวบ้านจะนำดอก geranium มาประดับประดาตามระเบียงของหม่บ้าน เกิดเป็นบรรยากาศที่สุดแสนโรแมนติก

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองมองเทรอ (Montreux) เป็นเมืองตากอากาศของสวิสที่ล้อมรอบด้วยเทือกเขาแอลป์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกริมทะเลสาบเจนีวา ซึ่งในอดีตเป็นเส้นทางที่ชาวโรมันเคยสัญจรผ่าน บรรยากาศของเมืองนั้นจะดูสงบ ง่ายๆ ผู้คนไม่พลุกพล่านเหมือนตามเมืองใหญ่ๆ บรรยากาศริมทะเลสาบนั้นน่าเดินเล่นมาก มีเก้าอี้ให้นั่งพักผ่อนกันริมทะเลสาบ มีลานไม้ทรงกลมที่สร้างยื่นไปในทะเลสาบ อีกทั้งเมืองนี้ยังมีรูปปั้นของ เฟรดดี เมอร์คิวรี (Freddie Mercury) นักร้องนำวง Queen วงร็อคที่มีชื่อเสียงมากๆ ในช่วงยุค 70-90 ยืนหันหน้าเข้าทะเลสาบด้วยท่าประจำอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hôtel Eden Palace Au Lac **** หรือเทียบเท่า

วันที่หก  มองเทรอ – เวเวย์ –เบิร์น -  เกลเมอร์บาห์น - อาเร่ จอร์จ - กรินเดลวาลด์

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเวเว่ย์ (Vevey)  (ระยะทาง 8 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาที) เป็นเมืองตากอากาศริมทะเลสาบเจนีวาที่สวยงาม มีสัญลักษณ์คือส้อมยักษ์ (The Fork) ที่ปักอยู่กลางทะเลสาบ และมีอนุสาวรีย์ Charlie Chaplin ผู้เป็นศิลปินตลกแห่งฮอลลีวู้ด ซึ่งในอดีตได้เคยใช้บั้นปลายชีวิตที่เมืองนี้

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองเบิร์น (Bern) (ระยะทาง 92 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) เมืองหลวงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมืองโบราณเก่าแก่สร้างขึ้นเมื่อ 800 ปีที่แล้ว โดยมีแม่น้ำอาเร่ (Aare) ล้อมรอบตัวเมือง เสมือนเป็นป้อมปราการทางธรรมชาติไว้ 3 ด้าน คือ ทางด้านทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันออก ส่วนทิศตะวันตกชาวเมืองได้สร้างกำแพง และสะพานข้ามที่สามารถชักขึ้นลงได้ นำท่านชมกรุงเบิร์นซึ่งได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1863 นอกจากนี้เบิร์นยังถูกจัดอันดับอยู่ใน 1 ใน 10 ของเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของโลกในปี ค.ศ.2010 นำท่านชม บ่อหมีสีน้ำตาล สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบิร์น นำท่าน ชมมาร์กาสเซ ย่านเมืองเก่า ปัจจุบันเต็มไปด้วยร้านดอกไม้และบูติค   เป็นย่านที่ปลอดรถยนต์ จึงเหมาะกับการเดินเที่ยวชมอาคารเก่า อายุ 200-300 ปี นำท่านลัดเลาะชม ถนนจุงเคอร์นกาสเซ ถนนที่มีระดับสูงสุดของเมืองนี้ ถนนกรัมกาสเซ ซึ่งเต็มไปด้วยร้านภาพวาดและร้านขายของเก่าในอาคารโบราณ ชมนาฬิกาไซ้ท์คล็อคเค่นทรัม อายุ 800 ปี ที่มี “โชว์” ให้ดูทุกๆชั่วโมงในการตีบอกเวลาแต่ละครั้ง หอนาฬิกานี้ ในช่วงปี ค.ศ. 1191 - 1256 ใช้เป็นประตูเมืองแห่งแรก แต่พอมีการสร้าง Prison Tower จึงเปลี่ยนไปใช้ Prison Tower เป็นประตูเมืองแทน และดัดแปลงไซ้ท์คล็อคเค่นทรัมเป็นหอนาฬิกาพร้อมติดตั้งนาฬิกาดาราศาสตร์เข้าไป

กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารไทย

หมายเหตุ  สำหรับเดือนเมษายน - พฤษภาคม โปรแกรมจะพาท่านชม ทะเลสาบเบลาเซ แทน เนื่องจากรถไฟเมืองเกลเมอร์บาห์น (Gelmerbahn) และ อาเร่ จอร์จ (Aare Gorge)  ยังไม่เปิดให้บริการ

บ่าย        นำท่านเดินทางสู่ทะเลสาบเบลาเซ (Lake Blausee) (ระยะทาง 70 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) ทะเลสาบขนาดย่อมที่มีน้ำสีฟ้ามรกต ใสสะอาดราวกับผลึกแก้ว สะท้อนเงาของต้นไม้น้อยใหญ่ที่มักเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล หากมองลงไปใต้ทะเลสาบ นอกจากฝูงปลาเที่แหวกว่ายไปมาเป็นจำนวนมากแล้ว เราจะเห็นรูปปั้นของหญิงสาวผู้หนึ่งจมอยู่ใต้น้ำ ซึ่งบอกเล่าถึงตำนานรักอันแสนเศร้าของคู่รักคู่หนึ่งที่มักมาใช้เวลาร่วมกัน ณ ที่แห่งนี้บ่อยๆ  แต่แล้ววันหนึ่ง ชายคนรักก็ได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน ด้วยความรักอันลึกซึ้งที่ไม่อาจลบเลือนได้ หญิงสาวจึงกลับมานั่งอยู่ที่นี่ทุกคืน จนกระทั่งตรอมใจตายไปในที่สุด น้ำตาของเธอได้หลอมรวมกันจนกลายเป็นทะเลสาบ และผืนน้ำสีฟ้ามรกตนั้นก็เกิดจากความเศร้าโศกของเธอที่เสียคนรักไป ต่อมาในปี 1998 ก็ได้มีศิลปินและนักประติมากรรมผู้หนึ่งได้แรงบันดาลใจจากตำนานเรื่องนี้ จึงสร้างรูปปั้นหญิงสาวและนำมันลงไปไว้ใต้น้ำเพื่อรำลึกถึงหญิงสาวผู้สร้างทะเลสาบแห่งนี้

หมายเหตุ  โปรแกรมเดือน มิถุนายน - กันยายน 2569 โปรแกรมบ่ายจะเป็นดังนี้แทน (ไม่มีทะเลสาบเบลาเซ)

บ่าย  นำท่านเดินทางโดยรถตู้สู่เมืองเกลเมอร์บาห์น (Gelmerbahn)  (ระยะทาง 105 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.40 ชม.) นำท่านเดินเท้าขึ้นบันไดประมาณ 15 – 20 นาที เพื่อนำท่านขึ้นรถรางไฟฟ้า  Gelmerbahn (หรือ Gelmer Funicular) คือรถรางไฟฟ้าลาดชันแบบเปิด ชันที่สุดในยุโรป โดยความชันสูงถึง 106% (~47°) และวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 2 m/s ตลอดช่วงทางยาว 1 028 m ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10–12 นาทีจากHandegg ไปยังทะเลสาบ Gelmersee ที่ระดับความสูง 1850 เมตร สัมผัส การผจญภัยที่แท้จริง ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร โดยมีทะเลสาบสีฟ้าครามรอคุณอยู่หลังจากนั่งรถไฟย้อนกลับขึ้นภูเขาเป็นเวลา 12 นาที นับว่าเป็นรถไฟโดยสารแบบเปิดที่ชันที่สุดในยุโรปอย่างไม่ต้องสงสัย เดิมทีสร้างขึ้นเพื่อขนส่งวัสดุก่อสร้างที่มีน้ำหนักหลายตัน ปัจจุบันผลงานชิ้นเอกทางเทคโนโลยีนี้มอบประสบการณ์การเดินทางด้วยรถไฟที่ยากจะลืมเลือน

หมายเหตุ กรณีที่ Gelmerbahn Furnicular ไม่เปิด จะเปลี่ยนเป็น ไรเชนบัคฟอล-บาห์น  Reichenbachfall-Bahn (หรือ Reichenbachfall Funicular) คือรถรางเชือกลากเฉียงใน Bernese Oberland ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่นำผู้โดยสารจาก Willigen ใกล้ Meiringen ขึ้นไปยังน้ำตก Reichenbachfall จุดเดียวกับฉากการต่อสู้ของ Sherlock Holmes และ Moriarty เส้นทางของเชอร์ล็อค โฮล์มส์ วิศวกรผู้กล้าหาญเดินตามสายน้ำที่ไหลเชี่ยวของน้ำตกไรเชนบัคขณะที่กำลังวางรางรถไฟบรรทุกสินค้าในปี 1899 สายตาคู่หนึ่งมองไปยังลำธารที่ไหลเชี่ยวและน้ำตกไรเชนบัคอันยิ่งใหญ่สูง 110 เมตร ทางรถไฟมรดกแห่งนี้ซึ่งมีตู้รถไฟไม้ 24 ที่นั่งไต่ขึ้นไปอย่างไม่หยุดยั้ง ใกล้กับสถานีบนยอดเขา มีระเบียงชมวิวสามแห่งที่มองเห็นน้ำตกและปราสาทฮัสลิทาลอันน่าทึ่ง การทัศนศึกษาครั้งนี้เป็นสิ่งที่แฟนๆ เชอร์ล็อก โฮล์มส์ต้องห้ามพลาด ที่นี่เองที่นักสืบชื่อดังท้าดวลกับศาสตราจารย์มอริอาร์ตี้ ศัตรูตัวฉกาจของเขา ซึ่งการต่อสู้แบบประชิดตัวของพวกเขาจบลงด้วยการที่พวกเขาตกลงไปในส่วนลึกของน้ำตกนี้

นำท่านเดินทางสู่อาเร่ จอร์จ (Aare Gorge) หรือ Aareschlucht ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นช่องเขาหินปูนที่เกิดจากการกัดเซาะของแม่น้ำ Aare เป็นเวลาหลายพันปี มีลักษณะเป็นทางเดินยาว 1.4 กิโลเมตร ตลอดสองข้างทางเป็นหน้าผาสูงชัน สามารถเข้าถึงได้ง่ายด้วยทางเดินไม้ที่สร้างขึ้น และบางส่วนสามารถใช้รถเข็นได้ นักท่องเที่ยวมักจะเดินไปจนสุดช่องเขาแล้วนั่งรถไฟกลับ หรือเดินไป-กลับทั้งหมดก็ได้

จากนั้นนำท่านเดินทางโดยสู่เมืองกรินเดลวาลด์ (Grindelwald) (ระยะทาง 68 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองสกีรีสอร์ทที่สวยที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในหุบเขารายล้อมด้วยภูเขาที่สวยงามเป็นสถานที่โรแมนติกที่สุด

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Sunstar Hotel Grindelwald **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)

วันที่เจ็ด  กรีนเดลวาล์ด – เลาเทอร์บรุนเนิน – ชเตเชลเบิร์ก – ยอดเขาชิลท์ธอร์น – หมู่บ้านมูรร์เริน - ขึ้นเคเบิ้ลคาร์สู่หมู่บ้านกิมเมลวาล์ด

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่เมืองเลาเทอร์บรุนเนิน (Lauterbrunnen) (ระยะทาง 17 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที)หมู่บ้านเล็กๆ ใจกลางหุบเขาสูงใน รัฐเบิร์น (Canton of Bern) ห่างจากเมืองอินเตอร์ลาเคน (Interlaken) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพักก่อนขึ้นไปยัง ยอดเขายุงเฟรา (Jungfrau) ประมาณ 12 กิโลเมตร แม้จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่กลับจัดให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ รายล้อมไปด้วยหุบเขาสูง 1,000 เมตร และทิวทัศน์อันแสนยิ่งใหญ่ของเทือกเขาแอลป์ที่ตั้งตระหง่านอย่างสง่างาม อิสระตามอัธยาศัย กับความงดงามและน่ารักของเมือง อิสระตามอัธยาศัย ที่ เลาเทอร์บรุนเนิน ชื่อของหมู่บ้านเลาเทอร์บรุนเนิน นั้นมีความหมายว่า "many fountains" เนื่องจากเป็นหมู่บ้านที่มีน้ำตกน้อยใหญ่ถึง 72 แห่ง        

นำท่านนำท่านเดินทางสู่ชเตเชลเบิร์ก (Stechelberg) เป็นจุดเริ่มต้นสู่ยอดเขา Schilthorn เพื่อขึ้นเคเบิ้ลคาร์สู่ยอดเขาชิลท์ธอร์น (Schilthorn) หรือ เขาเจมส์บอนด์ 007 สัมผัสความงามบนยอดเขา ณ ความสูง 2,970 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ในช่วงฤดูหนาวที่ชิลธอร์นจะสามารถสนุกกับการเล่นสกีและกิจกรรมต่างๆบนหิมะ และที่สำคัญบนยอดเขาชิลธอร์นแห่งนี้ เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง เจมส์บอนด์ 007 ภาค On Her Majestic's Secret Service เมื่อปี ค.ศ.1969 ท่านสามารถเลือกทำกิจกรรมที่จัดขึ้นบนเขาชิลท์ธอร์น ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม Skyline Walk, Trill Walk, Bond World, Bond Cinema, 007 Walk of Frame อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามยอดเขาชิลท์ธอร์น และสัมผัสประสบการณ์เดินเล่น ถ่ายรูปกับหิมะและภูเขาตามอัธยาศัย

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน บนยอดเขาชิลท์ธอร์น

บ่าย  นำท่านเดินทางลงจากยอดเขาชิลท์ธอร์น เพื่อเดินทางสู่หมู่บ้านมูรร์เริน (Murren) เป็นหมู่บ้านไร้รถยนต์บนเทือกเขาแอลป์สวิสที่มีวิวสวยงามของยอดเขา Eiger, Mönch, และ Jungfrau ชมบ้านไม้สีน้ำตาลน่ารัก ตกแต่งด้วยดอกไม้ และถ่ายรูปกับวิวเทือกเขาที่สวยงาม จากนั้นนำท่านขึ้นเคเบิ้ลคาร์สู่หมู่บ้านกิมเมลวาล์ด (Gimmelwald) ท่านจะได้สัมผัสทัศนียภาพอันสวยงามของเทือกเขาแอลป์ จากนั้นนำสัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวสวิส ในการทำกสิกรรม และฟาร์มวัว อันมีชื่อเสียง ให้ท่านได้ถ่ายรูปกับน้องวัวสวิส น้องวัวที่สะอาดและน่ารัก อีกหนึ่งสัตว์สำคัญทางเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์ อิสระให้ท่านได้เห็บภาพความสวยงามของธรรมชาติ ทิวเขา และ ฟาร์มวัว แบบจัดเต็ม ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองกรินเดลวาลด์ (Grindelwald) (ระยะทาง 49 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เพื่อรับประทานอาหารเย็น

ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก  Sunstar Hotel Grindelwald  **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)

วันที่แปด  กรีนเดลวาล์ด – เขาริกิ - ซูริค

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่เมือง Weggis (เวกกิส) (ระยะทาง 121 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) เป็นเมืองเล็กๆ น่ารักริมทะเลสาบลูเซิร์น (Lake Lucerne) อยู่เชิงเขา Rigi ได้ชื่อว่าเป็น “ริเวียร่าของสวิตเซอร์แลนด์” เพราะอากาศอบอุ่นกว่าที่อื่น มีสวนดอกไม้และปาล์ม จากนั้นนำท่าน นั่ง รถไฟไต่เขาริกิ (Rigi) รถไฟสายริกิ เป็นรถไฟภูเขา (Cogwheel train) ที่ขึ้นไปถึงยอด Rigi Kulm เป็น รถไฟภูเขาแห่งแรกของยุโรป เปิดวิ่งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1871 ที่ถือได้ว่าเป็นรถไฟไต่เขาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป ที่เรียกได้ว่าเป็นรถไฟสายแรกของสวิตเซอร์แลนด์เลยก็ว่าได้ นำท่านเดินทาง ยอดเขาริกิ (Rigi Kulm) มีที่มาจากคำว่า Mons Regina แปลได้ว่า ราชินิแห่งขุนเขา (Queen of the mountains) เพราะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้รอบถึง 360 องศา

กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น

บ่าย  นำท่านเดินทางสู่เมืองซูริค (Zurich) (ระยะทาง 56 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสวิส และ มีแม่น้ำลิมมัตเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุด ซูริคไม่ใช่เมืองหลวงของประเทศ แต่มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นเมือง ศูนย์กลางทางธุรกิจ ธนาคาร และวัฒนธรรมของประเทศอีกด้วย รวมถึงเป็นจุดหมายปลายทางแหล่งท่องเที่ยวในฝันของนักท่องเที่ยวทั่วโลก นำท่านถ่ายรูปกับ Munsterbrucke ซึ่งเป็นสะพานข้ามถนนและทางเดินทางในเมืองเก่า เป็นสะพานข้ามแม่น้ำลิมมัต และเป็นจุดถ่ายทำภาพยนตร์ Crash Landing on You นอกจากนี้บริเวณนี้ยังมีวิหาร Fraumunster and Gross Munster อีกด้วย จากนั้นนำท่านสู่ Linderhof Strasse ซึ่งเป็น ฉากเปิดเรื่อง และเป็นจุดชมวิวเมืองซูริคอันเลื่องชื่อ พร้อมกับวิวแม่น้ำลิมมัต อิสระให้ท่านได้เก็บภาพและเดินเล่นตามอัธยาศัย หรือ จะเลือกช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ

ค่ำ  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน

นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Hotel Mercure Zurich City **** หรือเทียบเท่า

วันที่เก้า  ซูริค

เช้า  รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

09.00 น.  นำท่านสู่สนามบินซูริค (ZRH)  เพื่อเช็คอิน และทำ Tax Refund

13.15 น.  ออกเดินทางสู่กรุงเทพมหารนคร โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG971 (ใช้เวลาบินประมาณ 10.55 ชม.) สายการบินมีบริการอาหารค่ำและอาหารเช้า บนเครื่องบิน

วันที่สิบ  กรุงเทพมหานคร

06.10 น.เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE)

*****Travel Around the World by Chic Journey****

ราคาทัวร์ 179,900 บาท : 5-14 เม.ย. 69 / 13-22 เม.ย. 69 / 28 เม.ย. – 7 พ.ค. 69 / 28 พ.ค. – 6 มิ.ย. 69

ราคาทัวร์ 189,900 บาท : 19-28 มิ.ย. 69 / 24 ก.ค.- 2 ส.ค. 69 / 11-20 ส.ค. 69 / 18-27 ก.ย. 69