ทัวร์กรุ๊ป29ส.ค.-7ก.ย.,17-26 ต.ค.69 LEGEND of THE SEAS 10วัน บิน QR เรือสำราญลำใหม่ใหญ่สุด ปี2026 พร้อมประจำการเมดิเตอร์เรเนียน เที่ยว สเปน ฝรั่งเศส อิตาลี สิงหาคม กันยายน ตุลาคม 69:Royal Caribbean

วันแรก : กรุงเทพมหานคร - โดฮา

18.00 น.  คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เช็คอิน ผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์เช็คอินสายการบิน กาตาร์ แอร์เวย์ส (QR) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
21.05 น.  ออกเดินทางสู่สนามบินโดฮา (DOH) ประเทศประเทศกาตาร์ โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส (QR) เที่ยวบินที่ QR829 (ใช้เวลาบินประมาณ 6.45 ชม.) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง สายการบินมีบริการ อาหารค่ำ ระหว่างเที่ยวบิน
23.50 น.  เดินทางถึงสนามบินโดฮา (DOH) ประเทศประเทศกาตาร์ แวะเปลี่ยนเครื่อง

วันที่สอง : โดฮา – บาร์เซโลนา (สเปน) – มหาวิหารซากราด้า ฟามิเลียร์ – ช้อปปิ้งถนนลารัมบลา - เช็คอินลงเรือ LEGEND of THE SEAS 2026

01.45 น.  ออกเดินทางจากสู่ สนามบินบาร์เซโลนา (BCN)ประเทศสเปน โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส (QR) เที่ยวบินที่ QR137 (ใช้เวลาบินประมาณ 6.45 ชม.) สายการบินมีบริการ อาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบิน
07.30 น. เดินทางถึงสนามบินบาร์เซโลนา (BCN) ประเทศสเปน นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
09.00 น.  นำท่านเข้าชมมหาวิหารซากราด้า ฟามิเลียร์ (Sagrada Familia) สัญลักษณ์แห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่สูงใหญ่ถึง 170 เมตร ออกแบบก่อสร้างอย่างสวยงามแปลกตาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1882 โบสถ์ที่สร้างไม่เสร็จนี้เป็นสัญลักษณ์ของบาร์เซโลนา  เป็นงานชั้นยอดที่แสดงถึงอัจฉริยภาพของ เกาดี้ สถาปนิกผู้เลื่องชื่อ มหาวิหารแห่งนี้มีความสูง 170 เมตร ตั้งอยู่บนถนน Carrer de Mallorca งานชิ้นนี้มีความแปลกตาจากงานชิ้นอื่นของเกาดี ตรงสีสันอันเรียบนิ่งแบบโทนสีธรรมชาติให้ความรู้สึกที่สงบผ่อนคลายและเยือกเย็น เพราะความที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และยังคงรายละเอียดไว้อย่างดี ดูจากลวดลายสลักเสลาที่ด้านนอกตัวโบสถ์และภายในแสดงให้เห็นถึงแรงศรัทธาในศาสนาอย่างท่วมท้น สมเป็นงานชิ้นสุดท้ายที่เขาอุทิศตนให้กับศาสนจักร ปัจจุบันมหาวิหารแห่งนี้ยังคงดำเนินการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 202
จากนั้นนำท่านสู่ถนนช้อปปิ้งสายใหญ่ของบาร์เซโลนาถนนลารัมบลา (Larambla)ย่านที่มีชื่อเสียงที่สุดของบาร์เซโลนาแหล่งท่องเที่ยวอันเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกวัย ถนนสายเล็กๆ ที่มีความยาวเพียง  1.2 กิโลเมตรแต่มีสีสันเสน่ห์น่าประทับใจทั้งกลางวันและกลางคืน อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้ง ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าและเสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้ง H&M, ZARA, BENETON, TOPSHOP หรือจะช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำซึ่งมีร้าน ตั้งอยู่ตลอดแนวถนน Passeig de graciaท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าอาทิ LOUIS VUITTON, CHANEL, GUCCI, LOEWE และอื่นๆ อีกมากมาย อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนม หรือ ของฝากตามอัธยาศัย
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน
13.00 น.  นำท่านเดินทางเช็คอินขึ้นเรือสำราญ LEGEND of THE SEAS
17.00 น.   เรือออกเดินทางจากท่าเทียบเรือบาร์เซโลนา (สเปน) มุ่งหน้าสู่ ท่าเทียบเรือปัลมา เดอ มายอร์กา (สเปน)
ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
หลังอาหารอิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยหรือสนุกสนานกับกิจกรรมบนเรือ

วันที่สาม : ปัลมา เดอ มายอร์กา (สเปน) – หมู่บ้านมายอร์ก้า - Mallorca 5 villages

เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
08.00 น.  เรือจอดเทียบท่า ณ ท่าเทียบเรือปัลมา เดอ มายอร์กา (สเปน)
09.00 น.  นำท่านชมหมู่บ้านมายอร์ก้า 5 แห่ง (Mallorca 5 villages) มายอร์ก้ามีหมู่บ้านที่มีเสน่ห์มากมาย แห่งที่มักถูกยกย่องว่าสวยงามและน่าไปเยือนมากที่สุด ได้แก่ วัลเดมอสซา เดอา โซลเยร์ ฟอร์นาลุตซ์ และอัลคูเดีย แต่ละแห่งล้วนมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ ตั้งแต่สถานที่ทางประวัติศาสตร์ บรรยากาศทางศิลปะ ไปจนถึงทิวทัศน์ธรรมชาติอันน่าทึ่ง  นำท่านชมหมู่บ้านอัลไกดา (Algaida Village) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะ Majorca ห่างจากPalmaไปยังManacor เป็นระยะทาง 22 กิโลเมตร เทศบาลนี้ครอบคลุมภูเขาเล็กๆ 6 ลูก โดยภูเขาที่สูงที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดคือ Puig de Randa ที่มีความสูง 543 เมตร ฝนตกตลอดทั้งปี เดือนที่แห้งแล้งที่สุดคือเดือนกรกฎาคม จากนั้นนำท่านชมหมู่บ้านปินา (PinaVillage) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบในใจกลางเกาะมายอร์กา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขตเทศบาลอัลไกดา ตั้งอยู่ห่างจากปัลมา เมืองหลวงของเกาะประมาณ 28 กิโลเมตร และขึ้นชื่อเรื่องพื้นที่เกษตรกรรมอันอุดมสมบูรณ์และเสน่ห์แบบดั้งเดิมของมายอร์กา จากนั้นนำท่านชมเมืองโยเร็ต (Lloret) เมืองเล็กๆ ใจกลางเกาะ เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องกังหันลม ทุ่งต้นอัลมอนด์ และบ้านไร่หินเก่าแก่ เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักปั่นจักรยาน และเป็นสถานที่จัดงานและงานต่างๆ มากมาย เมืองนี้ค่อนข้างเล็ก มีประชากรประมาณ 1,500 คน
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย  นำท่านเที่ยวชมเมืองมอนตุยรี (Montuiri) ตั้งอยู่บนสันเขาสูงในชนบทของมายอร์กา ล้อมรอบด้วยกังหันลมหินเก่าแก่ มอนตุยรีเป็นหมู่บ้านที่มีเสน่ห์แบบดั้งเดิม ประกอบด้วยอาคารเก่าแก่ตั้งแต่บ้านยุคกลางเก่าแก่ไปจนถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ที่สร้างขึ้นในศตวรรษต่อมา ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่น่ารื่นรมย์และน่าสนใจสำหรับการเดินเล่น มอนตุยรีให้ความรู้สึกเหนือกาลเวลาและยังคงรักษารากเหง้าของมายอร์กาไว้อย่างเหนียวแน่น ระหว่างถนน คุณจะได้พบกับทิวทัศน์ชนบทที่ยังคงความบริสุทธิ์และยังคงความอุดมสมบูรณ์ ประดับประดาด้วยบ้านไร่โบราณและกังหันลมเก่าแก่ นำท่านเข้าชมอารามรันดาและคูรา (Randa and Cura Monastery)
14.00 น. นำท่านเดินทางสู่ท่าเทียบเรือปัลมา เดอ มายอร์กา (สเปน)
16.00 น.  เรือออกเดินทางจากท่าเทียบเรือปัลมา เดอ มายอร์กา (สเปน)มุ่งหน้าสู่ ท่าเทียบเรือมาร์กเซย์ (โพรวองซ์) ฝรั่งเศส
ค่ำ           รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
หลังอาหารอิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยหรือสนุกสนานกับกิจกรรมบนเรือ

วันที่สี่ : มาร์กเซย์ (โพรวองซ์) – Old Charity Center – ปราสาทลาบูซีน - ปาเลส์ ลองชองป์ - ท่าเรือเก่า

เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
09.00 น.  เรือจอดเทียบท่า ณ ท่าเทียบเรือมาร์กเซย์ (โพรวองซ์) ฝรั่งเศส
10.30 น.  นำท่านเข้าชมศูนย์การกุศลเก่า (Old Charity Center) สถาปัตยกรรมอันงดงามแห่งนี้ออกแบบโดยปิแอร์ ปูเจต์ ในเมืองมาร์เซย์ สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1671 ถึง 1749 เป็นสถาปัตยกรรมแบบบาโรก พร้อมด้วยโบสถ์น้อยและโดมอันโดดเด่น เดิมทีสร้างขึ้นเป็นสถานสงเคราะห์คนยากไร้ในศตวรรษที่ 17 ปัจจุบันโบสถ์แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นที่ตั้งของสถาบันทางวัฒนธรรมเท่านั้น เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์อันน่าหลงใหลที่จัดแสดงสมบัติล้ำค่าจากอียิปต์ แอฟริกา และทวีปอเมริกา และยังจัดแสดงคอลเล็กชันทางโบราณคดีและชาติพันธุ์วิทยาจากพิพิธภัณฑ์มาร์เซย์อีกด้วย จากนั้นนำท่านเข้าชมปราสาทลาบูซีน (Château de La Buzine) เป็นอาคารสมัยศตวรรษที่ 19 เป็นปราสาทในเมืองมาร์เซย์ ประเทศฝรั่งเศส ที่มีชื่อเสียงจากการเป็น "บ้านของภาพยนตร์" หรือ "Maison du Cinéma" ปราสาทแห่งนี้ได้รับการบูรณะและเปิดให้ประชาชนเข้าชม โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และเผยแพร่ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพยนตร์ของมาร์แซล ปัญโญล (Marcel Pagnol) และมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับภาพยนตร์ เช่น การจัดแสดงนิทรรศการ การฉายภาพยนตร์ และการจัดเวิร์คช็อป เปิดให้ประชาชนเข้าชมและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่สนใจในภาพยนตร์และประวัติศาสตร์
กลางวัน    รับประทานอาหารกลางวัน ภายในปราสาท
บ่าย นำท่านแวะถ่ายรูปกับปาเลส์ ลองชองป์ (Palais de Longchamp) เป็นอาคารและสวนสาธารณะที่มีชื่อเสียงในมาร์กเซย์ ประเทศฝรั่งเศส สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการสร้างคลองมาร์กเซย์ ซึ่งนำน้ำจากแม่น้ำดูร็องซ์มายังเมือง และถือเป็นความสำเร็จทางสถาปัตยกรรมที่แท้จริง ปาแล ลองชองป์ เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยา และพิพิธภัณฑ์วิจิตรศิลป์ สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1839 และแล้วเสร็จใน ค.ศ. 1869 ออกแบบโดยสถาปนิก อองรี-ฌาคส์ เอสเปร็องดิว (Henri-Jacques Espérandieu) โดยมีน้ำพุขนาดใหญ่และอลังการเป็นจุดเด่น นอกจากนี้ยังมีสวนลองชองป์ (Parc Longchamp) ซึ่งอยู่รายรอบปาแล ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในสวนที่โดดเด่นที่สุดของฝรั่งเศส สวนแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของสวนสัตว์ ซึ่งยังคงหลงเหลือให้เห็นอยู่จนถึงปัจจุบัน นำท่านชมท่าเรือเก่าแห่งมาร์แซย์ (Old Port)  ตั้งอยู่สุดถนน Canebière ซึ่งเป็นถนนสายหลักของเมืองมาร์แซย์ เดิมทีท่าเรือแห่งนี้เคยเป็นท่าเรือธรรมชาติของเมืองมาตั้งแต่สมัยโบราณ และปัจจุบันเป็นสถานที่ยอดนิยมของเมือง ในปี พ.ศ. 2556 ท่าเรือแห่งนี้กลายเป็นแหล่งคนเดินหลัก
16.00 น.  นำท่านเดินทางสู่ท่าเทียบเรือมาร์กเซย์ (โพรวองซ์) ฝรั่งเศส
18.00 น.   เรือออกเดินทางจากท่าเทียบเรือมาร์กเซย์ (โพรวองซ์) ฝรั่งเศสมุ่งหน้าสู่ ท่าเทียบเรือ ลา สเปเซีย (อิตาลี)
ค่ำ   รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
หลังอาหารอิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยหรือสนุกสนานกับกิจกรรมบนเรือ

วันที่ห้า : ลา สเปเซีย (อิตาลี) - เกาะปาลมาเรีย - ป้อมคาวัวร์และป้อมอุมแบร์โตที่ 1 - หอคอยสโคล่า และ หอคอยโกรัซซาต้า – ปอร์โตเวเนเร – ปราสาทโดเรีย – โบสถ์ซานปีเอโตร

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
08.30 น.   เรือจอดเทียบท่า ณ ท่าเทียบเรือ ลา สเปเซีย (อิตาลี)
10.00 น.  นำท่านนั่งเรือชมเกาะปาลมาเรีย (Pamaria Island)เป็นเกาะของอิตาลี ตั้งอยู่ในทะเลลิกูเรียน ทางปลายสุดด้านตะวันตกของอ่าวลาสเปเซีย มีพื้นที่ 1.6 ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะสามเกาะที่ตั้งอยู่ใกล้ชิดกัน ยื่นออกมาจากแผ่นดินใหญ่ที่ปอร์โตเวเนเร ส่วนเกาะรอบนอก ได้แก่ เกาะทีโนและเกาะทีเนตโตขนาดเล็ก ตั้งอยู่ทางใต้ ในปี พ.ศ. 2540 องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนหมู่เกาะนี้ให้เป็นมรดกโลก ซึ่งรวมถึงปอร์โตเวเนเรและชิงเกวแตร์เรด้วย นำท่านถ่ายรูปป้อมคาวัวร์และป้อมอุมแบร์โตที่ 1 (Fort Cavour and Fortezza Umberto I) เป็นป้อมปราการเก่าแก่สองแห่งที่ตั้งอยู่ในเมืองปอร์โตเวเนเร ประเทศอิตาลี ใกล้กับเกาะปาลมาเรีย ป้อมคาวัวร์ตั้งอยู่บนยอดเขาของเกาะ ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานแล้ว ป้อมอุมแบร์โตที่ 1 ได้รับการบูรณะและเปิดให้สาธารณชนเข้าชม ตั้งอยู่ในปอร์โตเวเนเร นำท่านแวะถ่ายรูปกับหอคอยสโคลา และ หอคอยโกรัซซาต้า (Torre Scola and Torre Corazzata) หอคอยสโคลา เป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นบนหิน เหนือปลายสุดด้านตะวันออกเฉียงเหนือ (ปุนตาสโกลา) ของเกาะปาลมาเรีย ในเขตเทศบาลปอร์โตเวเนเร จังหวัดลาสเปเซียสร้างขึ้นโดยสาธารณรัฐเจนัวในปี ค.ศ. 1606 เป็นส่วนหนึ่งของจุดป้องกันของปาลมาเรีย ร่วมกับป้อมคาวูร์และป้อมอุมแบร์โตที่ 1 ที่สร้างขึ้นใหม่ และป้อมเซมาโฟโร ส่วนหอคอยโกรัซซาต้า หอคอยหุ้มเกราะแบบหมุนได้ ต่อมาคือ "หอคอยอุมแบร์โตที่ 1" สามารถป้องกันอ่าวลาสเปเซียได้โดยไม่ต้องถูกยิงจากข้าศึก ในการติดอาวุธนั้น มีการสั่งซื้อปืนใหญ่บรรจุท้ายสองกระบอก (ขนาดลำกล้อง 40 ซม. ยาว 14 เมตร และหนักประมาณ 121 ตันต่อกระบอก) จากครุปป์แห่งเอสเซน กระสุนปืน (หนัก 920 กก. สูง 1,280 มม.) ขับเคลื่อนด้วยดินปืน 330 กก. สามารถเจาะเกราะเหล็กหนา 61 ซม. ได้ในระยะ 3.5 กม. โดมหุ้มเกราะนี้สร้างขึ้นโดย Gruson-Werke แห่ง Magdeburg ประกอบด้วยชิ้นส่วนเหล็กหล่อชุบแข็ง หล่อแยกชิ้นและประกอบขึ้น ณ สถานที่จริง มีน้ำหนักประมาณ 1.40 ตัน
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเดินทางสู่เมืองปอร์โตเวเนเร (Porto Venere)ตั้งอยู่บนชายฝั่งลิกูเรียนของอิตาลีในจังหวัดลาสเปเซีย ประกอบด้วยหมู่บ้านสามแห่ง ได้แก่ เฟซซาโน เลกราซีเอ และปอร์โตเวเนเร และเกาะสามเกาะ ได้แก่ ปาลมาเรีย ทีโน และทีเนตโต ในปี พ.ศ. 2540 ปอร์โตเวเนเรและหมู่บ้านต่างๆ ในชิงเกวแตร์เร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก นำท่านเข้าชมปราสาทโดเรีย (Doria Castle)สร้างขึ้นราวปี ค.ศ. 1160 และได้รับการบูรณะหลายครั้งในช่วงศตวรรษที่ 15 ถึง 17 ตั้งตระหง่านอย่างสง่างามอยู่ด้านหลังหมู่บ้านและกำแพงโดยรอบของหมู่บ้าน ป้อมปราการแห่งนี้เป็นหนึ่งในผลงานสถาปัตยกรรมทางทหารที่น่าประทับใจที่สุดที่ยืนยันถึงอำนาจของสาธารณรัฐเจนัว มีการออกแบบเป็นรูปห้าเหลี่ยม โดยป้อมปราการด้านใต้ทอดยาวไปทางทะเล ประตูทางเข้าก็น่าประทับใจเช่นกัน นำไปสู่ห้องขนาดใหญ่ที่มีเพดานโค้ง บันไดนำไปสู่ห้องอิปอสติลลา ซึ่งแสดงให้เห็นห้องใต้ดินที่มีเพดานโค้งวางอยู่บนเสา ด้านบนคือบ้านของกัปตันประชาชน บนเนินเขา คุณสามารถชื่นชมทางเดิน หอสังเกตการณ์ และช่องหน้าต่าง
นำท่านเข้าชมโบสถ์ซานปีเอโตร (Church of San Pietro)เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิกในเมืองปอร์โตเวเนเร จังหวัดลาสเปเซีย ทางตอนเหนือของอิตาลี มีลักษณะเป็นแถบสีขาวและสีดำมีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 13 และได้รับการบูรณะระหว่างปี ค.ศ. 1931 ถึง 1935 โบสถ์หลังเดิมมีรากฐานมาจากสถาปัตยกรรมแบบซีเรียกในศตวรรษที่ 5 มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีมุขโค้งครึ่งวงกลม ซุ้มโค้งมนสองแห่งเชื่อมต่อพื้นที่นี้กับส่วนต่อเติมใหม่ ส่วนต่อเติมหลังนี้โดดเด่นด้วยหลังคาโครงสร้างไม้ ส่วนศาสนสถานแบ่งออกเป็นโบสถ์น้อยสามแห่ง ประดับประดาด้วยเพดานโค้งแบบโอจิวัลและแบบกางเขน วางอยู่บนเสาโพลีสไตล์อันวิจิตรบรรจง ภายในโบสถ์ยังคงรักษาลายเส้นแนวนอนสีดำและสีขาวสลับกันที่ประดับประดาด้านหน้าอาคาร โอบล้อมพื้นที่อย่างกลมกลืน
18.00 น.    นำท่านเดินทางสู่ ท่าเทียบเรือ ลา สเปเซีย (อิตาลี)
20.00 น.    เรือออกเดินทางจากท่าเทียบเรือ ลา สเปเซีย (อิตาลี) มุ่งหน้าสู่ ท่าเทียบเรือชีวีตาเวกเกีย (อิตาลี)
ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
หลังอาหารอิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยหรือสนุกสนานกับกิจกรรมบนเรือ

วันที่หก : ชีวีตาเวกเกีย (อิตาลี) - ซานตา เซเวร่า - ปราสาทซานตา เซเวร่า – บรักซิอาโน – ปราสาทโอเดสคัลชีแห่งบรัคชาโน - ปิอัซซา เดล โคมูเน

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
07.00 น.   เรือจอดเทียบท่า ณ ท่าเทียบเรือท่าเทียบเรือชีวีตาเวกเกีย (อิตาลี) 
08.30 น.   นำท่านเดินทางสู่ซานตา เซเวร่า (Santa Severa) เป็นเขตปกครองของเทศบาลซานตามาริเนลลาในจังหวัดโรมแคว้นลาซีโอประเทศอิตาลี เป็นรีสอร์ทริมทะเลขนาดเล็กบนถนนเวียเอาเรเลีย ห่างจากซานตามาริเนลลาไปทางใต้ประมาณ 8 กม. และห่างจาก กรุงโรมไปทางเหนือประมาณ 50 กม. หมู่บ้านนี้มาจากชื่อของนักบุญผู้พลีชีพในศาสนาคริสต์ในศตวรรษที่ 2 หมู่บ้านแห่งนี้มีเมืองเล็กๆ ในยุคกลางที่มีปราสาทสมัยศตวรรษที่ 9 หันหน้าออกสู่ทะเล ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของท่าเรือโบราณของชาวอีทรัส คันชื่อ พีร์จีแผ่นจารึกพีร์จีถูกค้นพบที่นี่ในปี พ.ศ. 2507 นำท่านเข้าชมปราสาทซานตา เซเวร่า (Castello Santa Severa) ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทิร์เรเนียนทางตอนเหนือของกรุงโรม เป็นมรดกอันทรงคุณค่าทั้งทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ปราสาทแห่งนี้ตั้งชื่อตามนักบุญเซเวรา วีรชนชาวคริสต์หนุ่ม ซึ่งถูกสังหาร (ตามธรรมเนียม) เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 298 ณ สถานที่แห่งนี้ พร้อมด้วยพี่น้องของเขา คาเลนดิโน และมาร์โค ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิไดโอคลีเชียน โครงสร้างของปราสาทที่แท้จริงมีอายุย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 14 คูน้ำล้อมรอบปราสาท มีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าพร้อมหอคอยมุม และเชื่อมต่อด้วยสะพานไม้ไปยังป้อมปราการทรงกระบอกอันโอ่อ่า
นำท่านเดินทางสู่บรักซิอาโน (Bracciano)เป็นเมืองเล็กๆ ในแคว้นลาซิโอของอิตาลี ห่างจากกรุงโรมไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 30 กิโลเมตร เมืองนี้มีชื่อเสียงในเรื่องทะเลสาบภูเขาไฟ (Lago di Bracciano หรือ "Sabatino" ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับแปดของอิตาลี) และปราสาทยุคกลาง Castello Orsini-Odescalchi ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ทะเลสาบแห่งนี้เป็นที่นิยมสำหรับการล่องเรือและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ปราสาทแห่งนี้เคยเป็นสถานที่จัดงานต่างๆ มากมาย
กลางวัน    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย นำท่านเข้าชมปราสาทโอเดสคัลชีแห่งบรัคชาโน (Castello Odescalchi di Bracciano)เป็นปราสาทในเมือง Bracciano เมืองลาซิโอ ประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางใต้ของทะเลสาบ Bracciano ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 ผสมผสานการใช้งานของโครงสร้างป้องกันทางทหารและที่พักอาศัยของขุนนางศักดินาในยุคนั้น ได้แก่ ตระกูลออร์ซินีและบอร์เจีย ซึ่งทั้งสองเป็นตระกูลพระสันตะปาปา ในฐานะหนึ่งในปราสาทที่ใหญ่ที่สุดและได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดในอิตาลี ปราสาทแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์อีกด้วย ในฐานะศูนย์กลางของกิจกรรมทางวัฒนธรรม ปราสาทแห่งนี้เคยเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานที่มีชื่อเสียงหลายงาน เช่น งานแต่งงานของทอม ครูซ/เคที โฮล์มส์, อีรอส รามาซ็อตติ/มิเชลล์ ฮันซิเกอร์ และเพตรา เอคเคิลสโตน/เจมส์ สตั๊นท์ จากนั้นนำท่านชมปิอัซซา เดล โคมูเน (Piazza del Comune) ศาลาว่าการเมืองแห่งนี้เป็นอาคารที่ตั้งอยู่ในเมืองบรัคชาโน ในจัตุรัส Piazza IV Novembre สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1619 ถึง 1636 และได้รับการบูรณะหลายครั้งในช่วงศตวรรษที่ 18 เนื่องจากความผิดพลาดในการก่อสร้าง และถูกใช้เป็นศาลาประชาคมนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
18.00 น. นำท่านเดินทางสู่ ท่าเทียบเรือชีวีตาเวกเกีย
20.00 น.   เรือออกเดินทางจาก ท่าเทียบเรือชีวีตาเวกเกีย มุ่งหน้าสู่ท่าเทียบเรือเนเปิลส์ (อิตาลี)
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
หลังอาหารอิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยหรือสนุกสนานกับกิจกรรมบนเรือ

วันที่เจ็ด: เนเปิลส์ – เกาะคาปรี – ถ้ำบลูกร็อตโต – จัตุรัสปิอัซเซตต้า – สวนออกัสตัส – ฟาราลิโอนี

เช้า   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
07.00 น.  เรือจอดเทียบท่า ณ ท่าเทียบเรือเนเปิลส์ (อิตาลี)
08.30 น.  นำท่านนั่งเรือเฟอรี่สู่เกาะคาปรี (Capri)เป็นเกาะในทะเลติร์เรเนียน ทางทิศใต้ของอ่าวเนเปิลส์ ในแคว้นคัมปาเนีย ประเทศอิตาลี เป็นสถานที่ตากอากาศตั้งแต่สมัยโรมันโบราณ ในระหว่างสงครามนโปเลียน ถูกอังกฤษและฝรั่งเศสผลัดกันเข้ายึดครอง และกลับคืนเป็นของอิตาลีในปี ค.ศ. 1813 นำท่านนั่งเรือชมถ้ำบลูกร็อตโต (Blue Grotto) เป็นถ้ำทะเลธรรมชาติที่ตั้งอยู่ภายในหน้าผา มีความยาว 60 เมตร กว้าง 25 เมตร แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ทางเข้าถ้ำกว้างเพียง 2 เมตร สูง 1 เมตร ดังนั้นการจะเข้าชมถ้ำนี้ ท่านต้องขึ้นเรือพายขนาดเล็กแบบดั้งเดิมที่บรรทุกคนได้สูงสุด 4 คน นอนราบลงที่พื้นเรือ และอาศัยประสบการณ์ของกะลาสีเรือ ซึ่งจะพาท่านเข้าไปในถ้ำด้วยโซ่ที่ผูกติดกับโขดหิน เมื่อเข้าไปข้างในจะพบกับความสงบและความมืดในตอนแรก สู่สีฟ้าครามที่สาดส่องจากแสงอาทิตย์ภายนอกถ้ำ ก่อให้เกิดการหักเหของแสงตามธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์
นำท่านชมจัตุรัสปิอัซเซตต้า (Piazzetta) หรือ ปิอัซซ่า อุมแบร์โต (Piazza Umberto) เป็นจัตุรัสที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกาะคาปรีประเทศอิตาลี จัตุรัสแห่งนี้ตั้งอยู่ในใจกลางประวัติศาสตร์ของเกาะคาปรี ทางปลายด้านตะวันออกของเกาะ และตั้งแต่สมัยโรมัน ได้รับการพิจารณาให้เป็นศูนย์กลางของเมืองและจุดนัดพบของเกาะทั้งจากผู้อยู่อาศัยและคนอื่นๆ จัตุรัสแห่งนี้ เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์มากมาย จุดเด่นคือมี หอนาฬิกาใจกลางจัตุรัสมักถูกเรียกว่า "ห้องนั่งเล่นของโลก" นำท่านชมสวนออกัสตัส (Augustus Gardens) สวนสวยที่มีทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในอิตาลีตอนใต้ เมื่อมองไปด้านหนึ่ง ท่านจะเห็นโขดหินฟาราลิโอนี สัญลักษณ์ของเกาะคาปรี ส่วนอีกด้านหนึ่งคือถนนเวียครุปป์ (Via Krupp) พร้อมชายหาดมารีนา ปิคโคลา ทอดยาวอยู่ไกลออกไป นำท่านแวะถ่ายรูปกับฟาราลิโอนี (Faraglioni) เป็นกลุ่มหินสามก้อน ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะที่มีชื่อเดียวกัน มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ด้วยทัศนียภาพอันงดงามและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของสวนออกัสตัส
กลางวัน  รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย  นำท่านเที่ยวชมอานาคาปรี (Anacapri) ตั้งอยู่บนเกาะที่สูงกว่าเกาะคาปรี ภาษากรีกโบราณ ana- หมายถึง "ขึ้น" หรือ "เหนือ" เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในด้านความเงียบสงบแบบชนบทที่งดงาม ทิวทัศน์อันกว้างไกลของอ่าวเนเปิลส์ และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย
15.30 น. นำท่านนั่งเรือเฟอรี่ เพื่อเดินทางกลับ
17.00 น.  นำท่านเดินทางสู่ท่าเทียบเรือเนเปิลส์ (อิตาลี)
19.00 น.  เรือออกเดินทางจากท่าเทียบเรือเนเปิลส์ (อิตาลี) มุ่งหน้าสู่ ท่าเรือบาร์เซโลนา ประเทศสเปน
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
หลังอาหารอิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยหรือสนุกสนานกับกิจกรรมบนเรือ

วันที่แปด: ล่องน่านน้ำ ( At Sea )

เช้า  รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
อิสระให้ท่านพักผ่อน บนเรือสำราญหรูตามตามอัธยาศัย ท่านสามารถเลือกรับประทานอาหารหรือนั่งเล่นในคลับ เลาจน์ หรือทำกิจกรรมที่มีภายในเรือสำราญมากมายได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นช้อปปิ้งที่ร้านขายสินค้าปลอดภาษีบนเรือ (Duty Free) และส่วนสันทนาการอื่นๆอีกมากมาย กิจกรรมความบันเทิงอันหลากหลาย
กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
ท่านสามารถเลือกใช้บริการบนเรือสำราญ
โดยแบ่งออกเป็น 8 ส่วน ที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละย่านจะมีเอกลักษณ์และประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำกัน เช่น 
-Royal Promenade : ใจกลางของเรือ เป็นถนนคนเดินในร่มที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร บาร์ และความบันเทิง
-Central Park : สวนสาธารณะกลางแจ้งที่เขียวชอุ่ม มีต้นไม้จริง ร้านอาหารบรรยากาศดี และดนตรีสด
-Surf Side : โซนสำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก มีสระว่ายน้ำสำหรับเด็ก พื้นที่เล่นน้ำ ร้านอาหารสำหรับเด็ก และกิจกรรมที่ออกแบบมาเพื่อครอบครัว
-AquaTheater : โรงละครกลางแจ้งสุดอลังการที่ผสมผสานการแสดงผาดโผนทางน้ำ แสง สี เสียง และเทคโนโลยีล้ำสมัย
-The Hideway : เลานจ์ริมสระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้สำหรับผู้ใหญ่ มีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย สามารถชมวิวทะเลสวยๆ ได้
-Chill Island : ดาดฟ้าสระว่ายน้ำ 3 ชั้น พร้อมสระว่ายน้ำหลากหลายรูปแบบ บาร์ริมสระ และพื้นที่สำหรับอาบแดด
-Trill Island : สวรรค์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความตื่นเต้น มีสวนน้ำที่ใหญ่ที่สุดในทะเล พร้อมสไลเดอร์สุดหวาดเสียว และกิจกรรมท้าทายอื่นๆ มากมาย
-Suite Neighbothood : พื้นที่พิเศษสำหรับผู้เข้าพักในห้องสวีท มีเลานจ์ส่วนตัว ร้านอาหารพิเศษ และสระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้
ค่ำ  รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
หลังอาหารอิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยหรือสนุกสนานกับกิจกรรมบนเรือ
หมายเหตุ  : ก่อนเรือกลับเทียบท่าในค่ำวันนี้ท่านจะได้รับป้ายผูกกระเป๋าสีต่างๆ ซึ่งเป็นตัวกำหนดลำดับการนำกระเป๋าลงจากเรือ ท่านจะต้องจัดกระเป๋าใบใหญ่วางไว้หน้าห้อง โดยแยกข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นไว้ในกระเป๋าเดินทางใบเล็ก เพราะเจ้าหน้าที่ของเรือจะมาเก็บกระเป๋าใบใหญ่ของท่านไปตั้งแต่กลางดึก และบัญชีค่าใช้จ่ายต่างๆ จะถูกส่งมาให้ท่านตรวจเช็คก่อนทำการชำระในวันรุ่งขึ้น สำหรับท่านที่ต้องการชำระผ่านบัตรเครดิต ทางบริษัทเรือจะชาร์จค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ท่านได้ให้หมายเลขไว้ในวันที่ท่านเช็คอินโดยอัตโนมัติ

วันที่เก้า :  บาร์เซโลนา - ลาโรคา วิลเลจ - โดฮา

เช้า  รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ
05.00 น.  เรือเทียบท่า ณ ท่าเรือบาร์เซโลนา ประเทศสเปน
08.30 น. นำท่านเช็คเอาท์ออกจากเรือสำราญ พร้อมรับกระเป๋าสัมภาระ
09.30 น. นำท่านเดินทางสู่เอาท์เล็ตหมู่บ้านลาโรคา (La Roca Village Outlet) ตั้งอยู่ทางเหนือของบาร์เซโลนา ซึ่งรวบรวมร้านค้าบูติกดีไซเนอร์กว่า 140 ร้าน สาขาของเมืองมาตั้งรกรากในแถบชนบทของแคว้นคาตาลัน อิสระให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งตามอัธยาศัย 
*** อิสระอาหารกลางวันในเอาท์เลต ตามอัธยาศัย เพื่อให้ท่านมีเวลาช้อปปิ้งเต็มที่
13.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินบาร์เซโลนา (BCN) เพื่อเช็คอินและทำ Tax Refund
16.35 น. ออกเดินทางสู่สนามบินโดฮา ประเทศประเทศกาตาร์ (DOH) โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส (QR) เที่ยวบินที่ QR146 (ใช้เวลาบินประมาณ 6.10 ชม.) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับจอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง สายการบินมีบริการ อาหารค่ำ ระหว่างเที่ยวบิน
23.45 น.  เดินทางมาถึงสนามบินโดฮา ประเทศประเทศกาตาร์ (DOH)  แวะเปลี่ยนเครื่อง

วันที่สิบ : โดฮา - กรุงเทพมหานคร

02.35 น. ออกเดินทางสู่ประเทศไทย โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ส (QR) เที่ยวบินที่ QR836 (ใช้เวลาบินประมาณ 6.50 ชม.) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง สายการบินมีบริการอาหารเช้า บนเครื่องบิน
13.25 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE)